ประกาศใช้แล้ว
'พระราชบัญญัติให้ผู้เสียหายฟ้องแพ่งแบบกลุ่ม'
เน้นดดีละเมิด คดีผิดสัญญา คดีสิ่งแวดล้อม

 

ประกาศใช้แล้ว พระราชบัญญัติฯให้ผู้เสียหายฟ้องแพ่งคดีแบบกลุ่ม คุ้มครองผู้เสียหายจํานวนมาก ให้ได้ในการดําเนินคดีเพียงครั้งเดียว เผย คดีที่จะขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ เช่น คดีละเมิด คดีผิดสัญญา คดีเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค แรงงาน หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การแข่งขันทางการค้า 
       
       วันนี้ (8 เม.ย.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2558 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
       
       โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การดําเนินคดีแบบกลุ่มเป็นกระบวนการดําเนินคดีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอํานวยความยุติธรรมให้กับประชาชน เนื่องจากเป็นวิธีการที่สามารถคุ้มครองผู้เสียหายจํานวนมากได้ในการดําเนินคดีเพียงครั้งเดียว และสามารถอํานวยความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายที่ไม่มีความสามารถฟ้องคดีเพื่อเยียวยาความเสียหายด้วยตนเองได้ หรือผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจํานวนเพียงเล็กน้อย เช่น
       
       คดีที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย การดําเนินคดีแบบกลุ่มจึงเป็นมาตรการที่สร้าง ความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสในสังคมได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการดําเนินคดีแบบกลุ่มเป็นวิธีการที่ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ และยังช่วยหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนในการฟ้องคดีและป้องกันความขัดแย้งกันของคําพิพากษา ตลอดจนเป็นมาตรการในการลดปริมาณคดีที่จะขึ้นสู่ศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง สมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพื่อกําหนดกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการดําเนินคดีแบบกลุ่ม จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
       
       ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่มที่มีผู้เสียหายจำนวนมากเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย โดยผู้ได้รับความเสียหายสามารถแต่งตั้งองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรเป็นผู้ฟ้องคดีแทนและเสนอให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนก่อนที่จะออกข้อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่มีผลต่อกลุ่มบุคคล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน
       
       มีเจ้าพนักงานคดีแบบกลุ่มทำหน้าที่ช่วยเหลือศาลในการดำเนินคดีแบบกลุ่มตามที่ศาลมอบหมาย
       
       ทั้งนี้ ยังเปิดโอกาสกําหนดคุณสมบัติ ส่วนได้เสีย รวมตลอดทั้งการได้มาซึ่งสิทธิการเป็นสมาชิกกลุ่มของโจทก์ ที่จะมีอํานาจฟ้องคดีแบบกลุ่มได้ กําหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตให้ดําเนินคดีแบบกลุ่ม กําหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการแจ้งเรื่องการดําเนินคดีแบบกลุ่มให้สมาชิกกลุ่มทราบกําหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการนัดพร้อม การแก้ไขคําฟ้องและคําให้การ การดําเนิน กระบวนพิจารณาและการรับฟังพยานหลักฐาน ในการดําเนินคดีแบบกลุ่ม กําหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบังคับคดีและเงินรางวัลของทนายความฝ่ายโจทก์ ออกข้อกําหนดเกี่ยวกับเรื่องที่จําเป็นอื่นๆ ในการดําเนินคดีแบบกลุ่มข้อกําหนดนั้น เมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
       
       โดย ศาลตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมที่มีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งเว้นแต่ศาลแขวง มีอํานาจในการดําเนินคดีแบบกลุ่ม ซึ่งคดีที่มีสมาชิกกลุ่มจํานวนมากดังต่อไปนี้ โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มอาจร้องขอให้ดําเนินคดีแบบกลุ่มได้ (๑) คดีละเมิด (๒) คดีผิดสัญญา และ (๓) คดีเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายต่างๆ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค แรงงาน หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การแข่งขันทางการค้า
       
       ศาลอาจขอให้ผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญมาให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีได้ แต่ต้องให้คู่ความทุกฝ่ายทราบและไม่ตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะขอให้เรียกผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตนมาให้ความเห็นโต้แย้งหรือเพิ่มเติมความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว

เครดิต : http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000040824

กรณีที่มีข้อพิพาททางแพ่งที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก เช่น คดีที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ คดีผิดสัญญา หรือละเมิด

คดีที่จะขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ คือคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ...ผลของคำพิพากษาผูกพันสมาชิกกลุ่มทุกคน 
สกล หาญสุทธิวารินทร์ 

แต่เดิมหากผู้เสียหายเหล่านั้นต้องการฟ้องร้องเพื่อการได้รับการเยียวยาเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายแต่ละคนต้องฟ้องคดีเอง ซึ่งเป็นความยุ่งยากลำบากโดยเฉพาะผู้เสียหายรายย่อยหรือได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และก็มีผู้เสียหายจำนวนมาก ยอมรับสภาพความเสียหายไม่ประสงค์ฟ้องร้อง เนื่องจากไม่คุ้มค่ากับการฟ้องร้อง หรือไม่อยากยุ่งยากเสียเวลาเสียค่าใช้จ่าย 


การให้ผู้เสียหายจำนวนมาก ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำเดียวและข้อกฎหมายเดียวกันสามารถรวมกลุ่มกันฟ้องคดีได้ จะเป็นประโยชน์ สามารถคุ้มครองผู้เสียหายจำนวนมากในการดำเนินคดีเพียงครั้งเดียว ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เป็นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในอำนวยความยุติธรรมอย่างทั่วถึง ทำให้การดำเนินคดีในปัญหาเดียวกันได้รับการตัดสินเป็นอย่างเดียวกันไม่ให้มีการขัดแย้งกันของคำพิพากษา เป็นมาตรการคุ้มครองผู้เสียหายรายย่อยที่อาจเป็นผู้ด้อยโอกาส อันเนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์ในการดำเนินคดี หรือเป็นผู้ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยที่จะไม่คุ้มค่าหากมีการฟ้องคดี ได้รับการเยียวยาแก้ไข และเป็นการลดจำนวนคดีในศาลได้ 


ในต่างประเทศมีการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (cross action) มานานแล้ว ส่วนในประเทศไทยปัจจุบันมีการดำเนินคดีแบบกลุ่มเฉพาะคดีผู้บริโภคเท่านั้น แต่ก็มีหน่วยงานบางแห่งเสนอแก้ไขหรือยกร่างกฎหมายให้มีการดำเนินคดีแบบกลุ่มมาสิบกว่าปีแล้ว กล่าวคือในปี 2547 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ร่างกฎหมายการดำเนินคดีแบบกลุ่มในการฟ้องคดีเกี่ยวกับหลักทรัพย์ เพื่อการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย และได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ในการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ได้มีการพิจารณาว่าควรมีการปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยให้นำหลักการการดำเนินคดีแบบกลุ่มมาใช้กับคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมากอันเกิดจากมูลละเมิด การผิดสัญญา หรือความเสียหายที่เกิดจากกฎหมายเฉพาะต่างๆ ที่มีเจตนารมณ์คุ้มครองบุคคลจำนวนมาก เช่นคดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม คดีเกี่ยวกับแรงงานเป็นต้น 


ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่างพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยเพิ่มบทบัญญัติหมวดการดำเนินคดีแบบกลุ่ม เสร็จตั้งแต่ปลายปี 2553 ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา และได้พิจารณาวาระสามเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2557 เห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป 


ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังกล่าว ได้เพิ่มข้อความเป็นหมวด 4 การดำเนินคดีแบบกลุ่ม มาตรา 222/1 ถึงมาตรา 222/49ในลักษณะ 2 วิธีพิจารณาสามัญในศาลชั้นต้น ภาค 2 วิธีพิจารณาในศาลชั้นต้น แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสองร้อยสี่สิบวันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 


สาระที่สำคัญ คือ 


คำนิยาม“กลุ่มบุคคล”หมายความว่า กลุ่มบุคคลที่มีสิทธิอย่างเดียวกันอันเนื่องมาจากข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายเดียวกัน และมีลักษณะเฉพาะกลุ่มเหมือนกัน แม้ว่าจะมีลักษณะของความเสียหายที่แตกต่างกันก็ตาม (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือกลุ่มบุคคลผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากเรื่องเดียวกัน เช่น ผู้ซื้อบ้านจัดสรรหรือคอนโดที่ผู้ประกอบการไม่มีการดำเนินการตามที่โฆษณาหรือตกลงไว้) 


“สมาชิกกลุ่ม”หมายความว่าบุคคลใดๆ ที่อยู่ในกลุ่มบุคคล (ซึ่งก็คือบุคคลที่ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกันและในเรื่องเดียวกันกับบุคคลอื่นๆ อีกจำนวนมาก) 


“การดำเนินคดีแบบกลุ่ม”หมายความว่า การดำเนินคดีที่ศาลอนุญาตให้เสนอคำฟ้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงสิทธิของโจทก์และสมาชิกกลุ่ม (ซึ่งก็คือบุคคลที่ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกันและในเรื่องเดียวกันกับบุคคลอื่นๆ อีกจำนวนมาก และได้เป็นโจทก์ฟ้องเพื่อเรียกค่าเสียหายหรือสินไหมทดแทนโดยได้รับอนุญาตจากศาล ให้ศาลพิจารณาให้บุคคลที่ได้รับความเสียหายอื่นๆ อีกหลายคนได้รับสิทธิด้วย) 


ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีแบกลุ่มคือศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีแพ่ง ยกเว้นศาลแขวง 


มีเจ้าพนักงานคดีแบบกลุ่มทำหน้าที่ช่วยเหลือศาลในการดำเนินคดีแบบกลุ่มตามที่ศาลมอบหมาย 


คดีที่จะขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ คือคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมากในคดีละเมิด คดีผิดสัญญา คดีเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค แรงงาน หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การแข่งขันทางการค้า 


ในการร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม ให้โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลพร้อมกับคำฟ้องเริ่มคดี เพื่อขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม 


องค์ประกอบสำคัญที่ศาล จะอนุญาตให้ฟ้องคดีแบบกลุ่ม คือ มีความชัดเจนของลักษณะของกลุ่ม มีสมาชิกคือผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก การดำเนินคดีอย่างคดีสามัญจะยุ่งยากและไม่สะดวก การดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินคดีแบบสามัญ โจทก์และทนายโจทก์เหมาะสมที่จะเป็นโจทก์และทนายโจทก์ในการฟ้องคดีแบบกลุ่มได้ 


เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มแล้ว โจทก์จะถอนฟ้องไม่ได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต ในกรณีที่จำเลยยื่นคำให้การแล้ว ให้ศาลฟังจำเลยก่อน 


การพิจารณาคดี นำระบบไต่สวนมาใช้ด้วย กล่าวคือ ศาลมีอำนาจแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้และสามารถรับฟังพยานบุคคล พยานเอกสารหรือพยานหลักฐานอื่นๆ นอกเหนือจากพยานหลักฐานของคู่ความก็ได้ นอกจากนี้ ศาลมีอำนาจอนุญาตให้เสนอบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นของผู้ให้ถ้อยคำซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศต่อศาล แทนการมาเบิกความในศาลได้ 


ผลของคำพิพากษาผูกพันสมาชิกกลุ่มทุกคน

 

 

เครดิต http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/633793