คดีที่ 13 ไต่สวนมูลฟ้อง กับ สิทธิตั้งทนายซักค้าน (และ 2 ฎีกาที่ทนายต้องรู้)
ตอนเป็นทนายความใหม่ ๆ ทนายทุกคนอยากเรียนรู้ อยากทำคดีให้เก่ง ๆ และ ทนายความรุ่นพี่มักตั้งคำถามให้ตอบอยู่เสมอว่า
1. ข้อแตกต่างของการไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ กับ ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง
2. ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยไม่มีสิทธินำพยานมาสืบ แล้วจำเลยมีสิทธิอะไรบ้าง
3. พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คู่ความอ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้หรือไม่
ทนายพี่ตุ๊กตา แห่ง Thai Law Consult (TLC) จึงนำเรื่องนี้มาแนะนำทนายใหม่ ในวันที่ 20-21/3/2556 หลังจากกลับจากว่าความที่ศาลแขวงปทุมวันครับ
(A) ข้อแตกต่างของการไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ กับ คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
| คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ | คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ |
จำเลยต้องมาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง (มาตรา 165 วรรค 1) การไต่สวนมูลฟ้องจึงต้องกระทำต่อหน้าจำเลย |
จำเลยไม่จำต้องมาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง (มาตรา 165 วรรค 3) การไต่สวนมูลฟ้องจึงทำลับหลังจำเลยได้ |
ศาลต้องอ่านฟ้องและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง และถามคำให้การจำเลย (มาตรา 165 วรรค 1) |
แม้จำเลยจะมาฟังการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลไม่ต้องอ่านฟ้องและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง และห้ามมิให้ถามคำให้การจำเลยอีกด้วย (มาตรา 165 วรรค 3) |
แม้ศาลยังไม่ประทับฟ้อง จำเลยก็มีฐานะเป็นจำเลยแล้ว (มาตรา 2(3)) |
ก่อนที่ศาลจะประทับฟ้อง จำเลยยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย (มาตรา 165 วรรค 3) |
- ในคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธินำพยานมาสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แต่มีทนายความมาช่วยเหลือได้ (มาตรา 165 วรรค 2)
- จำเลยมีสิทธิตั้งทนายมาซักค้านพยานโจทก์ได้ (มาตรา 165 วรรค 3)
- เอกสารที่ทนายจำเลยใช้ประกอบการซักค้านพยานโจทก์ และพยานโจทก์ยอมรับแล้ว จำเลยมีสิทธิส่งเอกสารนั้นประกอบคำพยานโจทก์ได้ ไม่ใช่การนำพยานเข้าสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง (คำพิพากษาฎีกาที่ 904/2522)
- ก่อนศาลประทับฟ้อง มิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น คือ ไม่อยู่ในฐานะจำเลย ไม่เป็นคู่ความ ยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลที่สั่งก่อนศาลประทับฟ้อง
- ในการที่ศาลประทับฟ้อง แม้จะถือว่าอยู่ในฐานะจำเลยแล้ว จำเลยก็อุทธรณ์คำสั่งศาลว่าคดีมีมูลไม่ได้ เพราะคำสั่งของศาลที่ให้มีมูล ย่อมเป็นที่สุด ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 170
- ข้อสังเกต ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องแล้ว ผู้ถูกฟ้องย่อมตกเป็นจำเลยทันที จึงอุทธรณ์ฎีกาได้
- คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คู่ความอาจอ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้
- การที่โจทก์ยื่นบัญชีพยานไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานของตนไว้ทั้งเรื่อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2522
ป.วิ.อ. มาตรา 165 วรรคสอง
เอกสารที่ทนายจำเลยส่งศาลเพื่อประกอบการซักค้านพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำเบิกความของพยานโจทก์ที่ตอบคำซักค้านของทนายจำเลยเมื่อการซักค้านนั้นพาดพิงไปถึงพยานเอกสารใดซึ่งพยานได้ตรวจดูและให้การยอมรับแล้ว ทนายจำเลยย่อมส่งเอกสารนั้นเข้าประกอบถ้อยคำของพยานโจทก์ได้หาใช่เป็นเรื่องจำเลยนำพยานเข้าสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคสองไม่ศาลจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้
________________________________
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันกระทำผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ และเอกสาร ล.1, ล.2 ที่ทนายจำเลยส่ง รับฟังเป็นพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้หรือไม่
ปัญหาที่ว่าเอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 รับฟังเป็นพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทนายจำเลยส่งศาลเพื่อประกอบการซักค้านพยานโจทก์ ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำเบิกความของพยานโจทก์ที่ตอบคำถามค้านของทนายจำเลย ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทนายจำเลยมีสิทธิซักค้านพยานโจทก์และเมื่อการซักค้านนั้นพาดพิงไปถึงพยานเอกสารใดซึ่งพยานได้ตรวจดูและให้การยอมรับแล้วทนายจำเลยย่อมส่งเอกสารนั้นเข้าประกอบถ้อยคำของพยานโจทก์ได้ หาใช่เป็นเรื่องจำเลยนำพยานเข้าสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคสอง ดังโจทก์อ้างไม่ เอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
( จันทร์ ระรวยทรง - สุวัฒน์ รัตรสาร - สุไพศาล วิบุลศิลป์ )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2536
ป.วิ.อ. มาตรา 162, 176, 185
ศาลมีอำนาจพิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนทั้งหมดการที่ศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูลแทนที่จะสั่งยกฟ้องโจทก์เสียในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็เป็นเพียงแต่ให้รับคำฟ้องไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น แต่ในชั้นพิจารณาเมื่อปรากฏจากพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185
________________________________
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365และมาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) ประกอบด้วยมาตรา 362, 83 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์นำเอาข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วแม้คดีนี้เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ก็ตามย่อมหมายความแต่เพียงการพิพากษามิใช่ต้องพิพากษาลงโทษจำเลยดังนั้น เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนให้ศาลเห็นว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังที่จำเลยให้การรับสารภาพศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้องจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามคำรับสารภาพที่ไม่ต้องด้วยความจริงนั้นหาได้ไม่ ในคดีอาญาศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องก็ได้ หากพิจารณาเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดหรือไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องก็ได้ แสดงว่าศาลมีอำนาจพิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนทั้งหมด การที่ศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูลแทนที่จะสั่งยกฟ้อง โจทก์เสียในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็เป็นเพียงแต่ให้รับคำฟ้องไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้นแต่ในชั้นพิจารณาเมื่อปรากฏจากพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจนำเอาข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมา วินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ได้
พิพากษายืน
( สุวรรณ ตระการพันธุ์ - ไมตรี กลั่นนุรักษ์ - สุรินทร์ นาควิเชียร )
(ฎีกาเหล่านี้ทีมทนายความ Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากษาศาลฎีกา 23-4-56)

