ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ผู้เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"

 

เรื่องที่ 1      ลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลาย แต่คุณแม่ไม่ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ จะทำอย่างไรดี

 

                    ช่วงก่อนตรุษจีน 2556 พี่ตุ๊กตาได้รับโทรศัพท์จากน้องที่ทำงานเก่า กังวลใจเรื่องลูกหนี้ของคุณแม่ ที่ค้างชำระหนี้คุณแม่มาเกือบ 10 ปีแล้ว ตอนแรกน้องเค้าก็กังวลเรื่องจะหมดอายุความทางแพ่ง คือ 10 ปี แต่พอพี่ตุ๊กตาซักถามได้สักพัก จึงได้รู้ว่า ลูกหนี้ของคุณแม่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว น้องสืบค้นเจอจากในเวบของราชกิจจานุเบกษา

 

                   จากที่กังวลเรื่องหมดอายุความของสัญญาเงินกู้ กลับกลายเป็นว่า คุณแม่ไม่ได้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (มาตรา 91) สาเหตุเพราะคุณแม่ไม่รู้ว่าลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายนั่นเอง (ถึงคุณแม่ยังไม่ได้ฟ้องคดีต่อศาล ก็สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้)

                    ตอนแรกที่คุยกันเรื่อง "หนี้ขาดอายุความ" พี่ตุ๊กตายังแนะนำให้คุณแม่ฟ้องเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ เพราะถ้าลูกหนี้ไม่ได้ต่อสู้เรื่องอายุความ ศาลก็จะยกอายุความขึ้นกล่าวอ้างเองไม่ได้ (ป.พ.พ. มาตรา 193/29) เพียงแต่ลูกหนี้มีสิทธิปฏิเสธการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ (ป.พ.พ. มาตรา 193/9) และลูกหนี้จะต้องยกเรื่องอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ด้วย (ป.วิ.พ. มาตรา 142(5) )

                    แต่ปัญหาเรื่อง ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ กลับกลายเป็นคุณแก่ลูกหนี้ยิ่งนัก เพราะเท่ากับเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องร้องคดีเรียกร้องเอาหนี้จำนวนนี้คืนได้อีกต่อไป เพราะถ้าเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้ฟ้องคดีได้ ลูกหนี้ก็จะไม่มีโอกาสหลุดพ้นจากหนี้สินต่าง ๆ ได้ชั่วชีวิต

                    นับเป็นบทเรียน และอุทธาหรณ์แก่เจ้าหนี้ทุกท่านว่า ต้องหมั่นตรวจสอบการล้มละลายของลูกหนี้ตนเองอยู่ตลอดเวลา โดยปกติ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจากศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดทางหนังสือพิมพ์ก่อน ภายหลังจากนั้นจะประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น เจ้าหนี้จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 2 เดือนนับแต่การประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษา 

                    เว้นแต่ เจ้าหนี้มีประกันย่อมมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันซึ่งลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์โดยไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ แต่ต้องยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตรวจดูทรัพย์สินนั้น (มาตรา 95)

                    พี่ตุ๊กตา มีคำแนะนำว่า หลังจากที่ลูกหนี้ของคุณแม่ ปลดจากล้มละลาย คือ 3 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาให้ล้มละลาย (มาตรา 81/1) คุณแม่ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ คงต้องขอความกรุณาจากลูกหนี้ ขอให้ลูกหนี้ช่วยชำระหนี้คืนบ้าง (พี่ตุ๊กตาขออนุญาตตอบหลังไมค์นะคะ)

                   ทั้งนี้ ตามฎีกา นำสินประกันภัย ที่ 4797/2553, 634/2545 และ 1681/2552

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4797/2553

พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 77(1), 77(2), 81/1 

          ก่อนถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยที่ 2 ถูกศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ทั้งได้รับการปลดจากล้มละลายตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 81/1 ซึ่งมีผลให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาก่อนวันที่ศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 จึงเป็นหนี้ที่โจทก์ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีดังกล่าว ทั้งเป็นหนี้ที่ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 77 (1) และ (2) โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ล้มละลาย

________________________________ 

 

            โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด และพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย

          จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

          ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 14 และให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 เฉพาะค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ

          จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

            ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ข้อแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีล้มละลายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยที่ 2 ถูกศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2543 และพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2544 จำเลยที่ 2 ได้รับการปลดจากล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 81/1 นับถัดจากวันที่ 20 สิงหาคม 2547 ซึ่งมีผลให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2540 ก่อนวันที่ศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 จึงเป็นหนี้ที่โจทก์ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว ทั้งเป็นหนี้ที่ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 77 (1) และ (2) โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ล้มละลาย ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยดังกล่าวแล้วอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ข้ออื่นย่อมไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เนื่องจากไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป

          พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

( สิงห์พล ละอองมณี - สมศักดิ์ จันทรา - พินิจ สุเสารัจ )

ศาลล้มละลายกลาง - นายพิพัฒน์ พรพิริยะกุลชัย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อเท็จจริง

 

 

 

 

      

 

 

Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here
Content for New Div Tag Goes Here

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2542/2549

ป.พ.พ. มาตรา 193/30, 659 วรรคสาม

         

________________________________

        

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1181/2541

ป.พ.พ. มาตรา 193/30, 563, 671

          

________________________________

         

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2205/2542

ป.พ.พ. มาตรา 420, 537, 657
ป.วิ.พ. มาตรา 224

      

________________________________

        

 

 

 

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  3517/2525

ป.พ.พ. มาตรา 164, 226, 227, 561, 567, 657, 665, 671, 880
ป.วิ.พ. มาตรา 248

 

________________________________

 

 

(ฎีกาเหล่านี้ทีมทนายความ Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากษาศาลฎีกา 1-11-55)