ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ผู้เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"
เรื่องที่ 5 คดีครอบครองปรปักษ์ที่ดิน อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต - คำตอบจากข้อสอบเนติฯ
คำถาม
พ่อ ออกโฉนดที่ดินทับที่ดินของลุงกำนัน จำนวน 7 ไร่ ต่อมาพ่อยกให้ผม ผมได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้เต็มทั้งพื้นที่ 32 ไร่ มาเป็นเวลา 22 ปีแล้ว , เมื่อ 3 ปีก่อน ลูกชายของลุงกำนันจะขายที่ดินตามโฉนดของลุงกำนัน ได้ทำการรังวัดพบว่า มีการออกโฉนดทับที่ดินและศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่ออกทับ จำนวน 7 ไร่ โดยผมไม่ทราบ ต่อมาต้นปีนี้ พ่อเสียชีวิต ผมเป็นทายาทเพียงคนเดียว ได้ร้องขอจัดการมรดก และศาลตั้งผมเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ผมตั้งใจจะขายที่ดินแปลงนี้บางส่วนให้นายทุนจากกรุงเทพฯ ทำบ้านจัดสรร จึงทราบเรื่องที่ลูกชายลุงกำนันขอเพิกถอน
ขอถามพี่ตุ๊กตาว่า "ผมมีสิทธิในที่ดิน 7 ไร่นี้อย่างไร" และทางออกคดีนี้ควรจะเป็นอย่างไร ให้ช่วยตอบหน่อย หรือจะช่วยไกล่เกลี่ยได้ไหม
คำตอบ
พี่ตุ๊กตา อยากให้คุณอำพลพูดคุยกับลูกชายลุงกำนันก่อน น่าจะไกล่เกลี่ยหรือได้ประโยชน์ร่วมกัน แบบ win-win ในที่ดินจำนวน 7 ไร่ ถ้าว่ากันเฉพาะแง่กฎหมาย คุณอำพลได้สิทธิในที่ดินแปลงนี้แล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 แม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนที่ดินจำนวน 7 ไร่ ออกจากโฉนดที่ดินทั้งแปลงของพ่อคุณอำพลแล้วก็ตาม ทั้งนี้ พี่ตุ๊กตาขอนำข้อสอบเนติฯ สมัย 60 ปีการศึกษา 2550 พร้อมกับคำพิพากษาฎีกาที่ 3653/2541 มาลงไว้เพื่อตอบคำถามนี้ค่ะ ถ้าคุณอำพลหรือพี่น้องหรือประชาชนท่านใดมีปัญหาเรื่องคดีครอบครองปรปักษ์ พี่ตุ๊กตาและทีมทนาย ThaiLawConsult ยินดีรับฟังและช่วยปรึกษานะคะ
หมายเหตุ : Thai Law Consult (โทร 098-915-0963) ข้อเท็จจริงในคดีของคุณอำพลยังต้องสอบถามกันอีกมากนะคะ
ข้อสอบเนติบัณฑิต ข้อ 1. ภาคหนึ่ง สมัยที่ 60 ปีการศึกษา 2550

หลัก
ป.พ.พ. มาตรา 1382
บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยสงบ และ โดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา ห้าปี ไซร้ ท่านว่า บุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5560/2537
ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคแรก, 1336, 1410
ข้อตกลงและทางปฏิบัติระหว่าง บ. กับจำเลยก่อนที่ดินพิพาทจะเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ มีลักษณะที่ บ. ยอมให้จำเลยมีสิทธิเป็นเจ้าของฮวงซุ้ยซึ่งได้ก่อสร้างบนที่ดินพิพาทนั้นมาแต่เดิม เป็นการก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดิน เป็นคุณแก่จำเลยโดยทางนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 ข้อตกลงดังกล่าวมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กรณีต้องด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคแรก การได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นทรัพย์สิทธิเกี่ยวกับที่ดินพิพาทไม่บริบูรณ์ คงใช้ได้ในฐานะบุคคลสิทธิระหว่างคู่กรณีคือ บ. กับจำเลยเท่านั้น ไม่ว่าโจทก์ผู้รับซื้อที่ดินพิพาทจาก บ. จะรู้ถึงข้อความระหว่าง บ.กับจำเลยมาก่อนหรือไม่ก็ตาม โจทก์ย่อมมีอำนาจในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ที่จะขัดขวางมิให้จำเลยหรือบุคคลอื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมายได้
________________________________
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยนำศพบิดามาฝังไว้ก่อนที่ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยเคลื่อนย้ายศพบิดาจำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์ภายใน 30 วันนับแต่วันพิพากษา หากไม่ปฏิบัติตามขอให้โจทก์มีสิทธิขุดศพและฌาปนกิจตามประเพณีทางศาสนาโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง
จำเลยให้การว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำนองไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาเพชรบูรณ์ ต้นปี 2530 นายบรรจบนำยึดที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดโดยมีข้อตกลงว่าให้จำเลยลงชื่อยินยอมการขายทอดตลาดให้นายบรรจบ โดยนายบรรจบจะกันที่บรรจุศพไว้ให้จำเลย ต่อมาโจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินตามฟ้องจากนายบรรจบและพวก ข้อตกลงดังกล่าว ก่อนซื้อโจทก์ได้มาดูที่ดินและเห็นที่บรรจุศพแล้วโจทก์ติดต่อจำเลยให้ไปวัดที่เพื่อกันเป็นที่บรรจุศพ แต่ต่อมาโจทก์กลับไม่ยอม โดยจะบังคับให้จำเลยรื้อถอนที่บรรจุศพออกไปเป็นการผิดข้อตกลงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเคลื่อนย้ายศพบิดาจำเลยออกจากที่ดินโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์ดำเนินการขุดศพบิดาจำเลยได้เองโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต่อไปว่า จำเลยมีสิทธิที่จะให้ฮวงซุ้ยคงอยู่ในที่ดินพิพาทของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ข้อตกลงและทางปฏิบัติระหว่างนายบรรจบกับจำเลยก่อนที่ดินพิพาทจะเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์นั้น มีลักษณะที่นายบรรจบซึ่งซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลยอมให้จำเลยมีสิทธิเป็นเจ้าของฮวงซุ้ย ซึ่งได้ก่อสร้างบนที่ดินพิพาทนั้นมาแต่เดิม เป็นการก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จำเลยโดยทางนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 แต่เมื่อโจทก์จำเลยต่างแถลงยอมรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่10 ตุลาคม 2534 ว่าข้อตกลงดังกล่าวมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก การได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นทรัพย์สิทธิเกี่ยวกับที่ดินพิพาทไม่บริบูรณ์ คงใช้ได้ในฐานะบุคคลสิทธิระหว่างคู่กรณี คือนายบรรจบกับจำเลยเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อมาว่าโจทก์ได้ซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายบรรจบเมื่อ พ.ศ. 2532 โดยธรรมเนียมประเพณีทั่วไป เจ้าของที่ดินย่อมไม่ประสงค์ให้มีฮวงซุ้ยที่ฝังศพของบุคคลที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องมาเกี่ยวข้องฝังหรือตั้งอยู่บนพื้นดิน อันอาจมีผลให้ที่ดินเสื่อมสิ้นราคาได้ในคดีนี้ไม่ว่าโจทก์ผู้รับซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายบรรจบจะรู้ถึงข้อความระหว่างนายบรรจบกับจำเลยมาก่อนหรือไม่หรือซื้อที่ดินพิพาทมาด้วยราคาต่ำก็ตาม ก็ย่อมมีอำนาจในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ที่จะขัดขวางมิให้จำเลยหรือบุคคลอื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมายได้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยเคลื่อนย้ายฮวงซุ้ยที่ฝังศพออกไปจากที่ดินพิพาท ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
( อากาศ บำรุงชีพ - ดำรุพงศ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา - ปราโมทย์ บุนนาค )
คำพิพากษาฎีกานี้ Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากษาศาลฎีกา วันที่ 14-05-2556

