ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"

 

เรื่องที่ 10      คณะกรรมการตรวจการจ้าง เรียกค่าปรับตามสัญญา ได้หรือไม่


                    พี่ตุ๊กตา ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ได้รับโทรศัพท์และอีเมล์สอบถามจากข้าราชการ ระดับ 8 ท่านหนึ่ง ท่านปรึกษาว่า ท่านเป็นประธานคณะกรรมการตรวจการจ้าง ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งคณะกรรมการตรวจการจ้าง ชุดที่ท่านเป็นประธาน ได้ตรวจรับงานก่อสร้างบ้านพักของทางราชการ ตามที่ผู้รับเหมาส่งมอบงานแล้ว และเห็นสมควรเบิกจ่ายงวดสุดท้าย จำนวน 8 แสนบาทให้แก่ผู้รับเหมาหรือผู้รับจ้าง ไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2554 ต่อมา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ภูมิภาคแห่งหนึ่ง ได้ตรวจสอบสังเกตการณ์ งานสร้างเหมาก่อสร้าง พบว่า ผู้รับเหมาดำเนินการงานจ้างยังไม่แล้วเสร็จ ไม่ครบถ้วนตามเงื่อนไขสัญญา ท่านในฐานะประธานกรรมการตรวจการจ้าง ได้ชี้แจงว่า ได้พยายามดำเนินการตรวจโดยละเอียดรอบคอบระมัดระวังแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าผู้รับจ้างดำเนินการไม่เป็นไปตามรูปแบบรายการ และข้อกำหนดในสัญญาเนื่องจากไม่มีความชำนาญในด้านนี้ รวมทั้งแบบแปลน ข้อกำหนดรายละเอียดและเงื่อนไข ไม่ค่อยชัดเจน ประกอบกับมีผู้ควบคุมงานอยู่ชั้นหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ดี ท่านได้สั่งการให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วนตามรูปแบบรายการในสัญญา และข้อสังเกตเรียบร้อยแล้ว

 

                    ต่อมามีหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของท่านว่า "สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ควบคุมงานไม่ตรวจและควบคุมงานจ้างให้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญา เป็นการบกพร่องไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ 73 คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับงานจ้างให้ผู้รับจ้าง พร้อมทั้งมีการจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้ผู้รับจ้างไปทั้งๆ ที่ผู้รับจ้างยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และหรือถูกต้องครบถ้วนตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญา เป็นการบกพร่องไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 72 และในส่วนของผู้รับจ้างมีหน้าที่ต้องดำเนินการก่อสร้างฯ ให้เป็นไปตามแบบรูปและรายการที่กำหนดในสัญญา การที่ผู้รับจ้างส่งมอบงานจ้างงวดสุดท้าย โดยแสดงรายการไว้ในใบส่งมอบงานจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงงานยังแล้วเสร็จไม่ครบถ้วน เพื่อให้คณะกรรมการตรวจรับและจ่ายเงินงวดสุดท้าย และเมื่อได้รับเงินจากทางราชการไปแล้วก็มิได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ เป็นการปฏิบัติที่ผิดเงื่อนไขสัญญา หากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินไม่ได้เข้าตรวจสังเกตการณ์พบความไม่ถูกต้องแล้ว การกระทำของผู้ควบคุมงาน คณะกรรมการตรวจการจ้างและผู้รับจ้างย่อมทำให้ทางราชการเสียหายได้ จากการได้สิ่งก่อสร้างไว้ใช้ในราชการคุณภาพต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในแบบรูปรายการก่อสร้างเกินกำหนดในสัญญา ถึงแม้ว่าจะมีการให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องแล้วเสร็จเป็นไปตามแบบรูปรายการฯ แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการกระทำการแก้ไขหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบแล้ว เห็นควรเรียกค่าปรับนับตั้งแต่วันสิ้นสุดสัญญา (วันที่...............) จนถึงวันที่............... ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจสังเกตการณ์รวม 80 วัน ค่าปรับวันละ 2,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท หากเรียกเงินค่าปรับจากผู้รับจ้างไม่ได้ ควรหาตัวผู้รับผิดชอบเพื่อนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป และพิจารณาโทษแก่ผู้เกี่ยวข้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 10 ตามควรแก่กรณีต่อไป"

 

ท่านถามว่า

1.     หน่วยงานของท่านจะเรียกค่าปรับจากผู้รับเหมาได้หรือไม่ อย่างไร

       (ผู้บังคับบัญชาของท่าน มีความเห็นว่า เมื่อ สตง. ตรวจพบข้อบกพร่อง ผู้รับจ้างได้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยตามสัญญาภายใน 1 สัปดาห์ จึงมีความเห็นว่า ควรปรับผู้รับจ้าง เพียง 1 สัปดาห์ ไม่ใช่ 80 วัน และกำลังส่งหนังสือหารือกับอัยการว่าควรคิดค่าปรับผู้รับจ้างตั้งแต่วันใดจำนวนกี่วันและในส่วนของความรับผิดของคณะกรรมการตรวจการจ้างควรจะทำอย่างไร เพื่อทางหน่วยงานจะได้พิจารณาดำเนินการต่อไป

2.     ท่านจะถูกฟ้องอาญาหรือไม่ และจะวางคดีอย่างไรเพื่อให้การต่อ ปปช. หรือ อัยการ และ ชั้นศาล ไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยดูให้ด้วย

 

คำตอบข้อ 1.

       พี่ตุ๊กตา มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกมาก และได้ตอบท่านเบื้องต้นทางโทรศัพท์ไปแล้วตามข้อมูลที่ได้รับ พี่ตุ๊กตา คาดว่า หน่วยงานคงตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและได้ข้อเท็จจริงในระดับหนึ่งแล้ว และคาดว่าผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานพร้อมจะปฏิบัติตามความเห็นของอัยการ ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา

       เนื่องด้วย คดีนี้ อาจมี ปปช. และ อัยการ เข้ามาเกี่ยวข้องในการฟ้องคดี จึงมีความเห็นเบื้องต้นดังนี้

กรณีเรียกค่าปรับ (โปรดดู ปรึกษาคดีกับทนาย เรื่องที่ 10 "มัดจำ เบี้ยปรับ")

 

1.1     มีหลักกฎหมายเรื่อง เบี้ยปรับ ตาม ป.พ.พ. ดังนี้

ป.พ.พ. มาตรา 380     

               ถ้าลูกหนี้ได้สัญญาไว้ว่าจะให้เบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้จะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบนั้น แทนการชำระหนี้ก็ได้ แต่ถ้าเจ้าหนี้แสดงต่อลูกหนี้ว่าจะเรียกเอาเบี้ยปรับ ฉะนั้นแล้ว ก็เป็นอันขาดสิทธิเรียกร้องชำระหนี้อีกต่อไป
               ถ้าเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้ จะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบนั้น ในฐานเป็นจำนวนน้อยที่สุดแห่งค่าเสียหายก็ได้ การพิสูจน์ค่าเสียหายยิ่งกว่านั้น ท่านก็อนุญาตให้พิสูจน์ได้

ป.พ.พ. มาตรา 381      

               ถ้าลูกหนี้ได้สัญญาไว้ว่า จะให้เบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร เช่นว่า ไม่ชำระหนี้ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ เป็นต้น นอกจากเรียกให้ชำระหนี้ เจ้าหนี้จะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบนั้นอีกด้วยก็ได้
                ถ้าเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในมูลชำระหนี้ไม่ถูกต้องสมควร ท่านให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 380 วรรค 2
                ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อ ได้บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้นในเวลารับชำระหนี้

ป.พ.พ. มาตรา 383 ว.1          

               ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ในการที่จะวินิจฉัยว่าสมควรเพียงใดนั้น ท่านให้พิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินเมื่อได้ใช้เงินตามเบี้ยปรับแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดก็เป็นอันขาดไป

 

1.2     ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อ ได้บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้น ในเวลารับชำระหนี้ จากข้อเท็จจริง คณะกรรมการตรวจการจ้าง ได้ตรวจรับงานแล้ว เพราะเห็นว่าผู้รับจ้างปฏิบัตตามสัญญาครบถ้วน แล้ว จึงไม่ได้สงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับ และหน่วยงาน ได้ใช้อาคารสิ่งปลูกสร้างแล้วเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ก่อนที่ สตง. จะมีหนังสือให้สอบสวนข้อเท็จจริง ว่าการตรวจรับงานไม่ชอบ เพราะผู้รับจ้างไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาจ้างครบทุกข้อ ตามมาตรา 381 ว.2 ประกอบ มาตรา 380 ว.2 ดังนั้น หน่วยงานจึงไม่อาจเรียกเบี้ยปรับจากผู้รับจ้างได้

 

 

จำ  ป.พ.พ. มาตรา 380      กรณีลูกหนี้ไม่ชำระหนี้เลย เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ หรือเรียกเอาเบี้ยปรับแทนการชำระหนี้ได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเจ้าหนี้เรียกเอาเบี้ยปรับแล้ว ก็ไม่มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้อีก (ฎีกาที่ 2299/2533)

  • ถ้าเจ้าหนี้ใช้สิทธิบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ เจ้าหนี้จะเรียกเบี้ยปรับจากลูกหนี้อีกไม่ได้ (ฎีกาที่ 3354/2531)
  • ในกรณีที่เจ้าหนี้เลือกฟ้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ แม้จะไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับก็ตาม แต่ถ้าเจ้าหนี้ได้รับความเสียหายจากการไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหายทดแทน โดยถือเอาเบี้ยปรับที่กำหนดไว้เป็นค่าเสียหายจำนวนน้อยที่สุดก็ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 380 วรรค2 (ฎีกาที่ 65/2489)
  • เมื่อเรียกเบี้ยปรับที่มีจำนวนสูงกว่าค่าเสียหายแล้ว จะเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้ (ฎีกาที่ 664/2530)
  • ในกรณีกลับกัน เมื่อเรียกค่าเสียหายเต็มจำนวน ค่าเสียหายที่ได้รับแล้ว ก็จะเรียกเบี้ยปรับอีกไม่ได้เช่นกัน (ฎีกาที่ 5277/2540)
  • หนังสือค้ำประกันของธนาคาร มีข้อตกลงว่า หากผิดสัญญาให้ริบหลักประกันได้ โดยให้ธนาคารใช้เงินตามสัญญาค้ำประกัน มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ถ้าเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกค่าเสียหายอื่นอีก ก็ต้องนำเงินที่ธนาคารส่งมา ไปหักกับค่าเสียหายนั้นก่อน ในฐานะเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 380 วรรค 2 (ฎีกาที่ 2983/2541)

 

จำ  ป.พ.พ. มาตรา 381      กรณีลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ และมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับได้ด้วย ดังนั้น จึงต้องพิจารณาให้ดีว่า เป็นการเรียกเบี้ยปรับกรณีใด (ฎีกาที่ 2216/2515 ประชุมใหญ่)

 

ในกรณีลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกให้ลูกหนี้ชำระเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้บอกสงวนสิทธิเรียกเบี้ยปรับไว้ในขณะรับชำระหนี้ (ป.พ.พ. มาตรา 381 วรรคท้าย)

 

ถ้าเจ้าหนี้รับชำระหนี้โดยไม่บอกสงวนสิทธิไว้ เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับในภายหลังได้อีก (ฎีกาที่ 2365/2536)

 

  • กรณีที่การชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัย เพราะพฤติการณ์ที่ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ลูกหนี้หลุดพ้นจากการชำระหนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 291 รวมทั้งไม่ต้องชำระเบี้ยปรับด้วย (ฎีกาที่ 545/2532)

 

1.3     ถ้าท่านเรียกเบี้ยปรับจากผู้รับจ้างไม่ได้ ใครต้องรับผิดชอบ Thai Law Consult จะนำเสนอในโอกาสต่อไป ซึ่งพี่ตุ๊กตากำลังปรึกษากับ 7 ทนายอยู่ว่า จะนำเสนอคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามระเบียบพัสดุ ปัญหาและทางออก (ซึ่ง สตง. ตรวจพบแล้ว ให้หน่วยงานตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หรือส่งให้ ปปช. และให้อัยการฟ้อง) มาลงใน Thai Law Consult เร็ว ๆ นี้

 

คำตอบข้อ 2.

       พี่ตุ๊กตา เห็นว่า ท่านและคณะกรรมการตรวจการจ้าง หาได้มีเจตนาทุจริตไม่ ดังนั้น อัยการไม่น่าจะฟ้องท่าน แต่การลงโทษทางวินัย อาจจะทำให้มีปัญหาได้ โดยเฉพาะความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของท่านอาจจะชงักไปอย่างต่ำเป็นเวลา 2 ปี (พี่ตุ๊กตาจะช่วยดูเรื่องของท่านอีกครั้งเมื่อได้รับเอกสารครบถ้วนค่ะ)

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2536

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3856/2533

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2518

 

 

 

(ฎีกาเหล่านี้ทีมทนายความ Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากษาศาลฎีกา 22-05-56)