ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"

 

เรื่องที่ 14      ไม่ชำระค่าส่วนกลาง นิติฯไม่จ่ายน้ำประปา ไม่มอบคีย์การ์ดผ่านประตูอัตโนมัติ ทั้งคนและรถ ได้หรือไม่


                    ทีมทนาย Thai Law Consult มีความเห็นใจในความเสียสละของกรรมการอาคารชุดของคอนโดหรูที่มาจากการเลือกตั้งของลูกบ้าน หลายคนตั้งใจทำงานดูแลทรัพย์สินส่วนกลาง เพื่อประโยชน์สุขของลูกบ้านทุกคน และมักจะเหนื่อยอกเหนื่อยใจ หลายๆครั้ง ถูกด่า ถูกต่อว่า จากลูกบ้านที่เหนียวหนี้ ไม่ชำระค่าส่วนกลาง เมื่อได้รับคำถามปรึกษาข้อกฎหมายจากคอนโดหรูหลายคำถาม คำถามที่น่าสนใจมีว่า "ถ้าเจ้าของร่วม ไม่ชำระค่าส่วนกลาง นิติบุคคลอาคารชุด หรือ กรรมการ จะทำอะไรได้บ้าง" พี่ตุ๊กตา ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ตั้งใจว่า ช่วงเฟส 3 นี้ จะนำคำอธิบายกฎหมายเกี่ยวกับอาคารชุด หรือ กฎหมายคอนโดมิเนียม มาเผยแพร่สู่ประชาชนในโอกาสต่อไป

 

                     วันนี้ วันรพี 7 สิงหาคม 2556 ประธานกรรมการ ของนิติบุคคลคอนโดหรูแถวลาดพร้าว ซึ่งมีมูลค่าโครงการเกือบ 1900 ล้านบาท มีปัญหาในการเก็บค่าส่วนกลางจากลูกบ้านกลุ่มหนึ่งราว 15 คน ซึ่งค้างค่าส่วนกลางมากว่า 1 ปี ขณะที่แต่ละคนขับรถยนต์นั่งมีราคาแพง แต่หน้าด้านค้างค่าส่วนกลาง แม้ทวงถามก็เพิกเฉย บางคนต่อว่านิติฯ และกรรมการ ให้เจ็บใจเล่นเสียอีก พี่ตุ๊กตาจึงนำเรื่องนี้มาลงไว้ค่ะ

คำถาม - ลูกบ้านไม่ชำระค่าส่วนกลาง นิติฯ ไม่จ่ายน้ำประปา ไม่มอบคีย์การ์ด ได้หรือไม่

ตอบ     - มีหลักกฎหมายเกี่ยวข้องดังนี้ :

พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2551

มาตรา18      เจ้าของร่วมต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่ายที่เกิดจากบริการส่วนรวมและที่เกิดจากเครื่องมือ
เครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันตามส่วนแห่งประโยชน์ที่มีต่อห้องชุด ทั้งนี้ตามที่กําหนดไว้ในข้อ
บังคับ
                    เจ้าของร่วมต้องร่วมกันออกค่าภาษีอากรและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลรักษาและการดําเนินการ
เกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางตามอัตราส่วนที่เจ้าของร่วมแต่ละคนมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลางตามมาตรา 14

มาตรา 33    นิติบุคคลอาคารชุดที่ได้จดทะเบียนตามมาตรา 31 ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
                    นิติบุคคลอาคารชุดมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางและให้มีอํานาจ
กระทําการใด ๆ เพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทั้งนี้ตามมติของเจ้าของร่วมภายใต้บังคับแห่ง
พระราชบัญญัตินี้

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 1336     ภายใต้บังคับ แห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สิน มีสิทธิ ใช้สอย และ จำหน่าย ทรัพย์สิน ของตน และ ได้ดอกผล แห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิ ติดตามเอาคืน ซึ่ง ทรัพย์สินของตน จากบุคคล ผู้ไม่มี สิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิ ขัดขวาง มิให้ผู้อื่น สอดเข้าเกี่ยวข้องกับ ทรัพย์สินนั้น โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

 

เกณฑ์ในการตัดสิน ของทนาย Thai Law Consult มีดังนี้

1.     แต่ละฝ่าย ใช้สิทธิ เกินส่วน-เกินหน้าที่ ของตนหรือไม่ (นิติฯ ได้ทวงถามหรือเจรจา ให้ลูกบ้านที่ค้างชำระค่าส่วนกลางทั้ง 10 คน ชำระมาก่อนหรือไม่)

2.     นิติฯ มีหน้าที่รับผิดชอบจัดการและดูแลทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุด และการออกระเบียบข้อบังคับในอันที่จะจัดการและดำเนินการเพื่อความปลอดภัย ดูแลกิจการต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของร่วม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของอาคารชุดตามข้อบังคับหรือไม่

3.     ข้อบังคับของอาคารชุด สอดคล้องกับ มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.อาคารชุดฯ หรือไม่

4.     ข้อควรระวัง คือ ศาลมักจะยก ป.พ.พ. มาตรา 1336 ขึ้นอ้างว่า เจ้าของทรัพย์ มีสิทธิใช้สอย และมีสิทธิขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้อง กับทรัพย์สินนั้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

5.     นิติบุคคลควรระวังว่า คำพิพากษาฎีกาที่ 10230/2553 ระหว่าง นายวิโรจน์ โจทก์ กับ นิติบุคคลอาคารชุดบางกอกริเวอร์พาร์ค กับพวก จำเลย ว่า "ค่าใช้จ่ายส่วนกลางนั้น เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย พ.ร.บ.อาคารชุด 2522 มาตรา 18 บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำสัญญาระหว่างกัน และเป็นหนี้เงินซึ่งตาม ป.วิ.พ. ได้บัญญัติหลักเกณฑ์การบังคับชำระหนี้ โดยการใช้สิทธิทางศาล เพื่อให้พิจารณาพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้ และตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 ก็ไม่ได้บัญญัติให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้โดยวิธีอื่น หรือโดยพลการ"

6.     ทางออก คือ การฟ้องคดีต่อศาล

7.     พี่ตุ๊กตา ได้นำฎีกาที่ 10230/2553 มาลงไว้แล้วค่ะ (ข้อเท็จจริงอาจจะแตกต่างกับคำถามเล็กน้อยค่ะ)

 

เกณฑ์ในการตัดสิน ของทีมทนาย Thai Law Consult เรื่องที่จอดรถ มีดังนี้

กรณีที่จอดรถเป็นทรัพย์ส่วนกลาง (ไม่ Fix เฉพาะห้องเจ้าของร่วม) แม้ทีมทนาย Thai Law Consult เห็นว่า นิติฯ อาจอ้าง มาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ.อาคารชุดฯ และข้อบังคับของนิติฯ เพื่อไม่ออกบัตรจอดรถหรือสติ๊กเกอร์ให้แก่เจ้าของร่วมที่เหนียวหนี้ ไม่ชำระค่าส่วนกลาง แต่จะทำถึงขนาดเป็นการขัดขวาง การใช้ทรัพย์สินส่วนกลาง โดยห้ามจอดรถในพื้นที่ส่วนกลางไม่ได้ เพราะเป็นการละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์สินของเจ้าของร่วมที่เหนียวหนี้โดยพลการ และต้องระวังฎีกาที่ 10230/2553 ให้มากๆ นะคะ

ทางออก คือ การฟ้องคดีต่อศาล

 

เกณฑ์ในการตัดสินของทีมทนาย Thai Law Consult เรื่อง คีย์การ์ดผ่านประตูอัตโนมัติของคน

นิติบุคคลไม่มีสิทธิห้ามโจทก์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การที่นิติฯไม่มอบบัตรรหัสคีย์การ์ดผ่านประตูอัตโนมัติ เป็นการไม่ชอบ

ทางออก คือ การฟ้องคดีต่อศาล

 

เกณฑ์ในการตัดสินของทีมทนาย Thai Law Consult เรื่อง การตัดน้ำประปา

1.     การตัดน้ำประปา ระงับการจ่ายไปยังห้องชุดของโจทก์(เจ้าของร่วมที่เหนียวหนี้ ไม่ชำระค่าส่วนกลาง) นั้น แม้การจ่ายน้ำประปาไปยังห้องชุดของโจทก์นั้น จะต้องใช้อุปกรณ์บางส่วนซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนกลางก็ตาม นิติฯไม่มีสิทธิห้ามไม่ให้โจทก์ใช้ประโยชน์ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ชำระค่าน้ำประปามาตลอด นิติฯจึงไม่มีสิทธิงดจ่ายน้ำประปาแก่โจทก์ ตามฎีกาที่ 10230/2553

2.     การหรี่น้ำประปา ให้ไหลอ่อนลง แม้ทีมทนาย Thai Law Consult เห็นว่า นิติฯอาจทำได้ เพราะไม่เป็นการใช้สิทธิเกินส่วน แต่นิติฯพึงระวัง ฎีกาที่ 10230/2553

3.     ทางออก คือ การฟ้องคดีต่อศาล

 

หมายเหตุ : Thai Law Consult นิติบุคคลอาคารชุดใด มีปัญหาทำนองนี้ จนกรรมการเครียด อยากหาทางออก หาคนปรึกษา หาทนายช่วยดูแล ทีมทนาย Thai Law Consult ยินดีให้คำปรึกษา ติดต่อพี่ตุ๊กตามานะคะ

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 10230/2553

พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง, 18, 41 

ค่าใช้จ่ายส่วนกลางนั้น เป็นหนี้ที่เกิดตามกฎหมายพ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 18 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำสัญญาระหว่างกัน และเป็นหนี้เงินซึ่งตามป.วิ.พ.ได้บัญญัติหลักเกณฑ์การบังคับชำระหนี้โดยการใช้สิทธิทางศาลเพื่อให้พิจารณาพิพากษาบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ และตามพ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 ก็ไม่ได้บัญญัติให้จำเลยทั้งสองบังคับชำระหนี้โดยวิธีอื่นหรือโดยพลการ นอกจากนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของห้องชุดย่อมมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคลของตนในอาคารชุด และมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลางด้วย ตามพ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง จึงมีสิทธิใช้สอยทรัพย์ส่วนกลางที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมนั้นด้วย ย่อมไม่ชอบที่จำเลยที่ 1 จะใช้วิธีการขัดขวางการใช้ทรัพย์สินส่วนกลางของโจทก์เพื่อเป็นมาตรการบังคับให้โจทก์ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์สินของโจทก์โดยพลการ

โจทก์ไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางเพราะจำเลยที่ 1 นำเงินไปใช้จ่ายโดยพลการ โจทก์ก็ต้องว่ากล่าวดำเนินคดีเอาแก่จำเลยที่ 1 เพื่อไม่ให้กระทำเช่นนั้นหรือให้ชำระค่าเสียหาย ไม่เป็นเหตุโดยชอบที่โจทก์จะอ้างขึ้นเพื่อไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

________________________________ 

          โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนประตูเข้าออกอัตโนมัติที่ติดตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากจำเลยทั้งสองไม่สามารถรื้อถอนได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบบัตรรหัสผ่านประตูอัตโนมัติเข้าออกอาคารชุดพร้อมบัตรผ่านติดรถยนต์เท่าจำนวนที่จอดรถยนต์ของโจทก์ และจ่ายน้ำประปาไปยังห้องชุดทั้งสองห้องของโจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบบัตรผ่านประตูอัตโนมัติ บัตรผ่านติดรถยนต์ และจ่ายน้ำประปาให้แก่โจทก์

          จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

           ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบบัตรรหัสผ่านประตูอัตโนมัติพร้อมบัตรผ่านติดรถยนต์เท่าจำนวนที่จอดรถยนต์แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

          โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองจ่ายน้ำประปาแก่โจทก์ตามฟ้องด้วย เว้นแต่โจทก์ไม่ยอมชำระค่าน้ำประปา นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

          โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ...คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเพราะกระทำละเมิดต่อโจทก์ และปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิงดจ่ายน้ำประปาไปยังห้องชุดของโจทก์ได้โดยชอบตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 นั้น เห็นสมควรวินิจฉัยไปด้วยกัน ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า การที่เจ้าของร่วมรวมทั้งโจทก์มีหน้าที่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางนั้น เป็นหนี้ที่เกิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 18 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำสัญญาระหว่างกัน และเป็นหนี้เงินซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้บัญญัติหลักเกณฑ์การบังคับชำระหนี้โดยการใช้สิทธิทางศาลเพื่อให้พิจารณาพิพากษาบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ และตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 ก็ไม่ได้บัญญัติให้จำเลยทั้งสองบังคับชำระหนี้โดยวิธีอื่นหรือโดยพลการ ตรงกันข้ามพระราชบัญญัติฉบับนี้ยังบัญญัติไว้ในมาตรา 41 โดยกำหนดให้นิติบุคคลอาคารชุดมีบุริมสิทธิในหนี้ค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 ดังกล่าวไว้ เพื่อประโยชน์ในการบังคับชำระหนี้ค่าใช้จ่ายนี้ แสดงว่าการบังคับชำระหนี้ก็ต้องดำเนินการโดยใช้สิทธิทางศาล นอกจากนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของห้องชุดย่อมมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคลของตนในอาคารชุด และมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลางด้วยตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง จึงมีสิทธิใช้สอยทรัพย์ส่วนกลางที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมนั้นด้วย ย่อมไม่ชอบที่จำเลยที่ 1 จะใช้วิธีการขัดขวางการใช้ทรัพย์สินส่วนกลางของโจทก์เพื่อเป็นมาตรการบังคับให้โจทก์ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง อันเป็นการละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์สินของโจทก์โดยพลการ ส่วนตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 13 และข้อ 15 ที่มีข้อความในทำนองให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิห้ามหรืองดสิทธิการใช้ทรัพย์ส่วนกลางหรือกำหนดมาตรการหรือดำเนินการตามมาตรการได้นั้น เมื่อพิจารณาถึงข้อบังคับในหมวดเดียวกันนี้ ข้อ 11 ข้อ 12 รวมทั้งข้อ 13 ก็มีข้อความกำหนดการใช้ทรัพย์ส่วนกลางของเจ้าของร่วม ต้องไม่เป็นการใช้หรือกระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเดือดร้อน รำคาญ รบกวน ละเมิดสิทธิหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของร่วมในอาคารชุด และต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งต้องใช้ไปตามกฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติ ระยะเวลาการใช้หรือกฎเกณฑ์อื่นที่กำหนดให้ใช้ ซึ่งล้วนเป็นกรณีที่เป็นการใช้ทรัพย์ส่วนกลางโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบที่กระทบสิทธิเจ้าของร่วมรายอื่น จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 จะใช้วิธีการเพื่อป้องกันการกระทำโดยไม่ชอบนั้นเท่านั้น ไม่รวมถึงการห้ามหรือขัดขวางการใช้ทรัพย์ส่วนกลาง เพื่อบังคับให้เจ้าของร่วมชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางแต่อย่างใด ดังนี้ ในกรณีการจ่ายน้ำประปาไปยังห้องชุดของโจทก์นั้น แม้การจ่ายน้ำประปาจะต้องใช้อุปกรณ์บางส่วนที่เป็นทรัพย์ส่วนกลางด้วยดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิห้ามไม่ให้โจทก์ใช้ประโยชน์ และเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ผิดข้อตกลงในการซื้อน้ำประปา จำเลยที่ 1 ก็ย่อมไม่มีสิทธิงดจ่ายน้ำประปาแก่โจทก์ ส่วนกรณีที่จำเลยที่ 1 ไม่มอบบัตรรหัสผ่านประตูอัตโนมัติกับบัตรผ่านติดรถยนต์เข้าออก รวมทั้งการงดจ่ายน้ำประปาให้โจทก์โดยไม่ชอบ และทำให้โจทก์เสียหายนั้น โดยปกติจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระค่าเสียหายตามที่โจทก์ได้รับความเสียหายจริง แต่ตามคำเบิกความของนายวิฑูร พยานโจทก์เพียงปากเดียวว่า ห้องชุดของโจทก์สามารถนำออกให้บุคคลอื่นเช่าได้เดือนละ 62,500 บาท ถึง 125,000 บาท ก็เป็นเพียงคำเบิกความลอย ๆ ในเรื่องจำนวนค่าเช่า และไม่แน่ว่าจะให้เช่าได้ทุกเดือนหรือไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์เสียหายมากถึงเดือนละ 100,000 บาท ตามคำฟ้อง นอกจากนี้ยังปรากฏว่าโจทก์ไม่ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง อันเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของโจทก์ที่ต้องชำระตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 18 ดังกล่าวแล้ว และที่นายวิฑูรเบิกความว่า เหตุที่โจทก์ไม่จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนกลางเพราะจำเลยที่ 1 นำเงินไปใช้จ่ายโดยพลการนั้น หากเป็นเช่นนั้นจริง โจทก์ก็ต้องว่ากล่าวดำเนินคดีเอาแก่จำเลยที่ 1 เพื่อไม่ให้กระทำเช่นนั้นหรือให้ชำระค่าเสียหาย ไม่เป็นเหตุโดยชอบที่โจทก์จะอ้างขึ้นเพื่อไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่ไม่นำพา ไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายร่วมกันของเจ้าของร่วมทุกคนที่ได้ใช้ทรัพย์ส่วนกลางเป็นประโยชน์ร่วมกันทุกราย จึงเป็นการกระทำที่ส่อไปในทางเอาเปรียบผู้อื่นโดยไม่ชอบและส่อไปในทางไม่สุจริตด้วย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า แม้จำเลยที่ 1 จะกระทำการโดยไม่ชอบอันเป็นการละเมิดและผิดสัญญาซื้อน้ำประปาต่อโจทก์ ซึ่งโจทก์น่าจะได้รับความเสียหายอยู่บ้าง แต่โจทก์มีส่วนผิดกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและส่อไปในทางไม่สุจริต จึงไม่ควรกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์และฎีกาของจำเลยที่ 1 ชั้นฎีกาต่างฟังไม่ขึ้น

          พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

( ธัชพันธ์ ประพุทธนิติสาร - ยงยุทธ สุเรนทร์รังสิกุล - ชัยยันต์ ศุขโชติ )

ศาลชั้นต้น - นายสุเมศร์ พันธุ์โชติ

ศาลอุทธรณ์ - นายคัมภีร์ กิตติปริญญาพงศ์

 

(ฎีกาเหล่านี้ทีมทนายความ Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากษาศาลฎีกา 1-11-55)