ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ผู้เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"
เรื่องที่ 32 ร้องขัดทรัพย์ ขายทอดตลาด ที่ดิน น.ส.3ก ตัวอย่างคดีนครพนม
พี่ตุ๊กตา ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 โทร. 098-915-0963 เห็นว่า
1. ที่ดินแปลงนี้ เป็น น.ส.3ก ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นที่ดินมือเปล่าประเภทหนึ่ง กฎหมายครอบครองปรปักษ์จึงนำมาใช้บังคับกับที่ดิน น.ส.3ก แปลงนี้ไม่ได้
2. พี่ตุ๊กตา โทรไป สนง.บังคับคดี นครพนม ทราบว่า ที่ดินแปลงนี้จะขายทอดตลาด ในวันที่.....กันยายน 2556 และแนะนำว่า ให้คุณแม่คุณหมอ หรือทนายความรีบดำเนินการยื่นคำร้องขอขัดทรัพย์ต่อศาลจังหวัดที่มีคำพิพากษาแล้วนำสำเนาคำฟ้องมาให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่องดหรือเลื่อนการขายทอดตลาดออกไปก่อน
3. พี่ตุ๊กตา มีความเห็นว่า เรื่องนี้น่าสนใจ ควรจะปรับปรุงและเผยแพร่เป็นความรู้กฎหมายต่อประชาชน
4. หลักกฎหมาย ป.วิ.พ. มาตรา 288 "ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่ง มาตรา 55 ถ้าบุคคลใด กล่าวอ้างว่าจำเลย หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ ก่อนที่ได้เอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออก ขายทอดตลาด หรือจำหน่ายโดยวิธีอื่น บุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อ ศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้ปล่อยทรัพย์สินเช่นว่านั้น ในกรณีเช่นนี้ ให้ผู้กล่าวอ้างนั้นนำส่งสำเนาคำร้องขอแก่โจทก์หรือเจ้าหนี้ตาม คำพิพากษา และจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงาน บังคับคดีโดยลำดับ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับคำร้องขอเช่นว่านี้ ให้งดการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่พิพาทนั้นไว้ในระหว่าง รอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลดั่งที่บัญญัติไว้ต่อไปนี้
เมื่อได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลแล้ว ให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสิน คดีนั้นเหมือนอย่างคดีธรรมดา เว้นแต่
(1) เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ไม่ว่าในเวลาใด ๆ ก่อนวันกำหนดชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน หากมีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องขอนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้า มาเพื่อประวิงให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้ผู้กล่าวอ้างวางเงิน ต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลจะกำหนดไว้ในคำสั่งตามจำนวนที่ ศาลเห็นสมควร เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาสำหรับความเสียหายที่อาจได้รับเนื่องจากเหตุเนิ่นช้าในการบังคับคดี อันเกิดแต่การยื่นคำร้องขอนั้น ถ้าผู้กล่าวอ้างไม่ ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบ ความ
(2) ถ้าทรัพย์สินที่พิพาทนั้นเป็นสังหาริมทรัพย์และมีพยาน หลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องขอนั้นไม่มีเหตุอันควรฟัง หรือถ้า ปรากฏว่าทรัพย์สินที่ยึดนั้นเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เก็บไว้นานไม่ได้ ศาลมีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาด หรือจำหน่ายทรัพย์สินเช่นว่านี้โดยไม่ชักช้า
คำสั่งของศาลตามวรรคสอง (1) และ (2) ให้เป็นที่สุด"
5. ผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขัดทรัพย์ได้ เฉพาะกรณีนี้
ถ้าเป็นการทำสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดในที่ดินมือเปล่ากันเอง และผู้ซื้อได้เข้าครอบครองที่ดินแล้ว ดังนี้ แม้สัญญาซื้อขายจะตกเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน ก็ถือว่าผู้ขายได้โอนสิทธิครอบครองที่ดินให้ผู้ซื้อแล้ว โดยการส่งมอบ ผู้ซื้อย่อมได้สิทธิครอบครองที่ดิน มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้ (ฎีกาที่ 1078/2520)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2520
ป.พ.พ. มาตรา 1299, 1377, 1378
ป.ที่ดิน มาตรา 4 ทวิ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ข้อ 2
จำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้อง และสละเจตนาครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา ดังนี้การครอบครองของจำเลยย่อมสิ้นสุดลง ผู้ร้องเข้ายึดถือที่พิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตน จึงได้สิทธิครอบครองทันทีที่จำเลยสละเจตนาครอบครอง
การโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378 นั้น มีผลบังคับกันได้ ไม่ต้องมีแบบอยู่ในตัวการที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนหาทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะไม่
________________________________
คดีนี้เนื่องมาจากศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน 1 แปลงของจำเลยที่ 1 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ซื้อจากจำเลยที่ 1 ก่อนจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ตามสำเนาสัญญาซื้อขายท้ายคำร้อง ผู้ร้องได้รับมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเข้าครอบครองที่ดินตั้งแต่วันทำสัญญาตลอดมา ที่ดินจึงเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์
โจทก์ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองที่ดินซึ่งโจทก์นำยึดและเป็นผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยไม่เคยขายหรือส่งมอบให้ผู้ร้องครอบครองผู้ร้องมีสิทธิเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงนี้เฉพาะการเก็บผลลำไย ตอนกิ่ง ตามสำเนาสัญญาซื้อขายผลลำไยท้ายคำให้การ ส่วนสัญญาซื้อขายที่ดินท้ายคำร้องเป็นนิติกรรมอำพรางการซื้อขายผลลำไยมีระยะยาว ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 มิได้เจตนาจะซื้อขายกันจริงตามสัญญา จึงไม่มีผลใช้บังคับ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินนั้น จำเลยที่ 1 มอบให้ผู้ร้องเป็นประกันการซื้อขายผลลำไยระยะยาวเท่านั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในปัญหาเบื้องต้นว่านิติกรรมซื้อขายที่พิพาทเป็นโมฆะ เพราะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่สิทธิครอบครองจึงยังคงเป็นของจำเลยที่ 1 อยู่
ศาลชั้นต้นสั่งให้ปล่อยทรัพย์พิพาทแก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ได้ขายที่พิพาทให้ผู้ร้องและสละเจตนาครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา การครอบครองของจำเลยที่ 1 ย่อมสิ้นสุดลง ผู้ร้องได้เข้ายึดถือที่พิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตนจึงได้สิทธิครอบครองทันทีที่จำเลยที่ 1 สละเจตนาครอบครอง ทั้งเมื่อเป็นการโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 แล้ว ก็มีผลบังคับกันได้ ไม่ต้องมีแบบอยู่ในตัว ฉะนั้นการที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนก็หาทำให้การซื้อขายรายนี้เป็นโมฆะไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่พิพาท
พิพากษายืน
( ประถม วิเชียรเนตร - วิทูร เทพพิทักษ์ - ไพบูลย์ ไวกาสี )
6. ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีร้องขัดทรัพย์ (ขอโทษค่ะ ทนายติดว่าความ จะนำมาลงภายหลังนะคะ)

