ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ผู้เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"
เรื่องที่ 36 ฟ้องเช็ค อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย คดีถึงที่สุด ถูกจับกุม
จะชำระหนี้เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องได้หรือไม่
จึงได้ข้อมูลว่า คดีนี้ จำเลยรับสารภาพ ขอผ่อนชำระ จะผ่อนให้เสร็จภายใน 4 ปี โดยผ่อนเดือนอย่างต่ำ 5,000 บาท ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว ผ่านไป 18 เดือน น้องใบเตยไม่ชำระเลย ปิดมือถือหนีตลอด โจทก์จึงขอให้ศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยก็ไม่มาตามหมายนัด ศาลจึงออกหมายจับให้มาฟังคำพิพากษาภายใน 1 เดือน แต่จำเลยไม่มาอีก ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ลงโทษจำคุก 1 เดือน (เช็คฉบับเดียว)
วันนี้ พี่ตุ๊กตามาทำธุระที่ศาลจังหวัดขอนแก่น เพื่อยื่นคำร้องขอเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ พี่ตุ๊กตาได้รับโทรศัพท์จากน้องใบเตยว่า ขณะนี้ถูกตำรวจนครบาลจับกุมแถวโลตัส อ่อนนุช จะทำอย่างไรดี โจทก์หรือผู้เสียหายต้องการเงิน 3 แสนบาท พอดีทนายความท่านอื่นของทีมทนาย ThaiLawConsult ติดนัดสืบพยานทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ที่ศาลจังหวัดสระบุรี และศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช พี่ตุ๊กตาได้โทรถามพี่ดำ ทนายสมปราถน์ ฮั่นเจริญ ทนายอาวุโส ซึ่งกำลังทำคดีที่จังหวัดเชียงใหม่ พี่ดำถามว่า "คดีถึงที่สุดหรือยัง" , "อ่านคำพิพากษาหรือยัง" , "อยู่ในระหว่างอุทธรณ์หรือไม่" ถ้าคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ถอนฟ้องไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรค 2
พี่ตุ๊กตาถามตำรวจท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ถ้าตำรวจจับกุม และพาไปลงบันทึกการจับกุมที่โรงพักแล้ว ต้องนำตัวส่งศาลที่ออกหมายจับ ขั้นตอนนี้ ตอนอยู่ในการควบคุมของตำรวจชุดจับกุม น้องใบเตย ควรโทรแจ้งญาติและหาเงินมาชำระให้ผู้เสียหายจนพอใจ เพื่อให้ตำรวจชุดจับกุมไม่ต้องเอาตัวน้องใบเตยไปส่งโรงพักเพื่อทำบันทึกการจับกุม (ชำระเงินให้ผู้เสียหาย จนตำรวจชุดจับกุมพอใจ ไม่ต้องไปถึงโรงพัก เพราะคดีความผิดตาม พรบ. เช็ค ยอมความกันได้ ถ้าไปถึงโรงพักหรือถึงศาล แม้จะชำระหนี้ให้ผู้เสียหายพอใจ ไม่ติดตามหนี้อีกแล้ว แต่คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ศาลต้องดำเนินการตามคำพิพากษา)
วันนี้ พี่ตุ๊กตา ต้องติดอยู่ที่สนามบินขอนแก่น เป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมง ปัญหาเครื่องบินมีปัญหา เนื่องจาก สนามบินสุวรรณภูมิ ทางวิ่งขัดข้องไป 1 ช่องการจราจร ทราบจากน้องใบเตยว่า ตำรวจลงบันทึกการจับกุมเสร็จ กำลังพาตัวไปส่งศาล เพราะหาเงินมาเคลียร์ผู้เสียหายไม่ได้ เมื่อพี่ตุ๊กตามาถึงกรุงเทพฯ จึงเรียบเรียงเรื่องนี้ นำเสนอเป็นความรู้กฎหมายสู่ประชาชน
คำถาม - ฟ้องเช็ค อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย คดีถึงที่สุด ถูกจับกุม จะชำระหนี้เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้องได้หรือไม่
หลักกฎหมาย ป.วิ.อ. เรื่องถอนฟ้อง มีดังนี้
มาตรา 35 คำร้องขอถอนฟ้องคดีอาญาจะยื่นเวลาใดก่อนมี คำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ได้ ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตหรือมิอนุญาต ให้ถอนก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรประการใด ถ้าคำร้องนั้นได้ยื่น ในภายหลังเมื่อจำเลยให้การแก้คดีแล้ว ให้ถามจำเลยว่าจะคัดค้าน หรือไม่ แล้วให้ศาลจดคำแถลงของจำเลยไว้ ในกรณีที่จำเลยคัดค้าน การถอนฟ้อง ให้ศาลยกคำร้องขอถอนฟ้องนั้นเสีย
คดีความผิดต่อส่วนตัวนั้น จะถอนฟ้องหรือยอมความในเวลาใด ก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ แต่ถ้าจำเลยคัดค้าน ให้ศาลยกคำร้องขอถอน ฟ้องนั้นเสีย
มาตรา 39 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปดั่งต่อไปนี้
(1) โดยความตายของผู้กระทำผิด
(2) ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์ถอนฟ้อง หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
(3) เมื่อคดีเลิกกันตาม มาตรา 37
(4) เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง
(5) เมื่อมีกฎหมายออกใช้ภายหลังการกระทำผิดยกเลิกความผิด เช่นนั้น
(6) เมื่อคดีขาดอายุความ
(7) เมื่อมีกฎหมายยกเว้นโทษ
มาตรา 84/1 พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งมีผู้นำผู้ถูกจับมาส่งนั้น จะปล่อยผู้ถูกจับชั่วคราวหรือควบคุมผู้ถูกจับไว้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นการ จับโดยมีหมายของศาลให้รีบดำเนินการตาม มาตรา 64 และในกรณีที่ต้องส่งผู้ถูกจับไปยังศาล แต่ไม่อาจส่งไปได้ในขณะนั้นเนื่องจาก เป็นเวลาที่ศาลปิดหรือใกล้จะปิดทำการ ให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจที่รับตัวผู้ถูกจับไว้มีอำนาจปล่อยผู้ถูกจับชั่ว คราวหรือควบคุมผู้ถูกจับไว้ได้จนกว่าจะถึงเวลาศาลเปิดทำการ
มาตรา 64 ถ้าบุคคลที่มีชื่อในหมายอาญาถูกจับ หรือบุคคล หรือสิ่งของที่มีหมายให้ค้นได้ค้นพบแล้ว ถ้าสามารถจะทำได้ก็ให้ส่งบุคคลหรือสิ่งของนั้นโดยด่วนไปยังศาลซึ่งออกหมาย หรือเจ้าพนักงานตามที่กำหนดไว้ในหมาย แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
คำตอบ
พี่ตุ๊กตา สรุปข้อเท็จจริงเบื้องต้นดังนี้ (ในคดีจริง ต้องทบทวนข้อเท็จจริงให้แม่นยำกว่านี้ โดยต้องมีเอกสารอยู่ในมือของทนายความ)
1. น้องใบเตย มีความผิดตาม พรบ.เช็ค ซึ่งศาลพิพากษาแล้ว แต่น้องใบเตยหลบหนี ไม่ไปฟัง ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย หลายคดี หลายศาล และเช็คหลายฉบับ แต่ละฉบับเป็นความผิด 1 กรรม (พี่ตุ๊กตาคาดว่า ถ้ารับสารภาพ ศาลจะลงโทษ 1 เดือน ต่อเช็ค 1 ใบ
2. ตำรวจจับน้องใบเตย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 64 และ 84/1 จึงต้องส่งจำเลยผู้ถูกจับไปยังศาลที่ออกหมายจับโดยด่วน
3. เมื่อถูกจับตัวส่งศาล คาดว่าหมายจับทุกคดีที่ลงระบบแล้ว จะปรากฏขึ้นมา (นับโทษต่อในคดีอื่น ๆ ด้วย)
4. คดีนี้ เมื่อถึงที่สุดแล้ว จะถอนฟ้องไม่ได้ แม้จะเป็นความผิดต่อส่วนตัว ตาม ป.วิ.อ. 35 วรรค 2 เพราะการถอนฟ้อง ในคดีเช็ค ต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนคดีถึงที่สุดเท่านั้น รวมถึง ถอนคำร้องทุกข์ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ตามฎีกาที่ 1421/2531
5. ปัญหาในคดีนี้ คือ จำเลยต้องชำระเงิน เพื่อให้ผู้เสียหายหรือโจทก์ถอนฟ้อง หรือการทำให้หนี้ตามเช็คสิ้นความผูกพันก่อนคดีถึงที่สุด ตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 7, 4 และ 5 |
มาตรา 7 ถ้าผู้กระทำความผิดตาม มาตรา 4 ได้ใช้เงินตามเช็ค แก่ผู้ทรงเช็คหรือแก่ธนาคารภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือ บอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หรือหนี้ที่ผู้กระทำ ความผิดตาม มาตรา 4 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมี คำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา
มาตรา 4 ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตาม กฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น
(2) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้
(3) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น
(4) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงิน ตามเช็คจนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้
(5) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต เมื่อได้ มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงิน ตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 5 ความผิดตาม มาตรา 4 เป็นความผิดอันยอมความได้
พี่ตุ๊กตาขอย้ำอีกทีว่า 1. จำเลยต้องทำให้ผู้เสียหายหรือโจทก์พอใจโดยการชำระหนี้ ก่อนคดีถึงที่สุด หรือ ชำระหนี้ทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ย เพื่อให้หนี้ตามเช็คสิ้นความผูกพันก่อนคดีถึงที่สุด 2. โจทก์ต้องถอนฟ้องก่อนคดีถึงที่สุด |
6. คดีนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ด้วยจำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ทันทีที่จำเลยถูกจับกุม อิสรภาพของจำเลยอยู่ในช่วงวิกฤติแล้ว จำเลยและญาติต้องหาเงินมาชำระหนี้โจทก์เฉพาะรายนี้ให้ได้ เมื่อจำเลยจะชำระหนี้ให้โจกท์รายนี้ตามที่เรียกร้องไม่ได้ เวลามีจำกัดตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อถึงโรงพัก คดีอาญาสำหรับจำเลย ก็สายเกินไปเสียแล้ว จำเลยจึงต้องรับผลร้ายจากคดีเช็คอื่นๆ ที่ตนเองหลบหนีหมายจับ และหลบหนีผู้เสียหายรายอื่นอยู่ด้วย
7. พี่ตุ๊กตาคิดว่า ลองหาคำพิพากษาที่วินิจฉัยว่า เมื่อคดีถึงที่สุด จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ ภาระหนี้จึงสิ้นความผูกพัน ศาลจะวินิจฉัยเป็นแนวทางไว้อย่างไร และในคดีไหน น่าสนใจดีนะคะ
8. สรุป - ตอนนี้ พี่ตุ๊กตาขอฟันธงว่า คดีถึงที่สุดแล้ว แม้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ ก็ไม่รอดคุก
9. ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับคดีเช็ค อย่านิ่งนอนใจ อย่าคิดอยู่คนเดียวนะคะ ถ้าต้องการที่ปรึกษา พี่ตุ๊กตาและทีมทนาย ThaiLawConsult ยินดีให้ความช่วยเหลือค่ะ ติดต่อพี่ตุ๊กตามานะคะ โทร. 098-915-0963 numaphon@gmail.com
10. พี่ตุ๊กตา ขอนำฎีกาที่ 1264/2523 , 1321/2525 , 568/2528 และ 1421/2531 มาลงไว้นะคะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2528
ป.วิ.อ. มาตรา 15, 35 วรรคสอง, 39(2), 193, 198, 216, 218, 221
ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497
ในคดีอาญาแม้จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ก็มิได้ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย และอาจมีการอนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ได้ คดีจึงถึงที่สุดเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โดยมิต้องคำนึงว่ามีการยื่นฎีกาแล้วหรือไม่
ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องภายในกำหนดระยะเวลาฎีกา แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ก็เป็นการถอนฟ้องก่อนที่คดีจะถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสอง แล้วเมื่อจำเลยไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นชอบที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
เมื่อปรากฏว่าคดีได้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสั่ง
เมื่อศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)อันมีผลให้คำพิพากษาของศาลล่างระงับไปด้วยในตัว ให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความของศาลฎีกา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2528)
________________________________
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1จำคุกจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 21มีนาคม 2526 ต่อมาวันที่ 21 เมษายน 2526 ซึ่งยังอยู่ภายในกำหนดระยะเวลาฎีกาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงและยังไม่ฎีกา จึงถือว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ปัญหาว่าภายในกำหนดระยะเวลาฎีกาโจทก์จะขอถอนฟ้องโดยที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาได้หรือไม่ เห็นว่า แม้คดีนี้จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ก็ตามแต่ก็มิได้ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย และอาจมีการอนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221 ได้คดีจึงถึงที่สุดเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 147 วรรคสองประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ทั้งนี้ โดยมิต้องคำนึงว่ามีการยื่นฎีกาแล้วหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีนี้ในวันที่ 21 เมษายน 2526 ซึ่งยังอยู่ภายในกำหนดระยะเวลาฎีกา แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ก็เป็นการถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวก่อนที่คดีจะถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสอง แล้วเมื่อจำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้อนึ่ง เมื่อปรากฏว่าคดีได้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจสั่งคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ได้ และกรณีนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรมีคำสั่งเสียเองโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสั่ง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) อันมีผลให้คำพิพากษาของศาลล่างระงับไปด้วยในตัวให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความของศาลฎีกา
( สำเนียง ด้วงมหาสอน - พิชัย วุฒิจำนงค์ - อภินย์ ปุษปาคม )

