ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ผู้เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"

 

เรื่องที่ 6-1       ตั้งบริษัท จดทะเบียนบริษัท ต้องทำอย่างไร


                    

                    ตลอดเดือนกรกฎาคม 2556 ทีมทนาย Thai Law Consult ได้รับโทรศัพท์และอีเมล์จากน้องๆ นักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ตั้งใจลงทุนทำบริษัท หรือปรึกษาปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการบริษัท พี่ตุ๊กตาจึงเรียบเรียงบทความนี้ เป็นความรู้กฎหมายสู่ประชาชนให้น้องๆ ได้ดูกันก่อน ส่วนรายละเอียด ทีมทนาย Thai Law Consult จะนำเสนอฉบับเต็มของกฎหมาย ห้างหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด ในเร็วๆ นี้

                    หากท่านผู้อ่านมีปัญหาเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัท การจัดการบริษัท การลงหุ้น การเลิกบริษัท อยากหาที่ปรึกษา ติดต่อพี่ตุ๊กตามานะคะ โทร. 098-915-0963 numaphon@gmail.com

 

ลักษณะทั่วไปของบริษัทจำกัด (Limited Companies)

                    บริษัทเป็นนิติบุคคลอันเป็นบุคคลในทางกฎหมายที่ถือว่าแยกต่างหากออกจากผู้ถือหุ้น บริษัทจึงสามารถมีภูมิลำเนา มีสิทธิและทรัพย์สินของตนเองได้ ในส่วนผู้ถือหุ้น (shareholders) นั้น เปรียบเสมือนเจ้าของบริษัท ผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้ควบคุมครอบงำการจัดกิจการของบริษัทโดยผ่านที่ประชุมใหญ่ (general meeting) โดยผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์จากการดำเนินการของบริษัทในรูปเงินปันผล (dividend) จากผลกำไรของบริษัทนั้น แต่ถ้าหากว่าบริษัทประกอบกิจการขาดทุน ผู้ถือหุ้นก็คงรับผิดไม่เกินเงินค่าหุ้นที่ส่งใช้ไม่ครบ

หลักกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 1096 และ 1097

มาตรา 1096 อันว่าบริษัทจำกัดนั้น คือบริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้น ด้วยแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัด เพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ

มาตรา 1097 บุคคลใด ๆ ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปจะเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัดก็ได้ โดยเข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิ และกระทำการอย่างอื่นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้

                    ขอเน้นว่า เมื่อแยกองค์ประกอบของทั้ง 2 มาตราข้างต้นแล้ว บริษัทจำกัดมีองค์ประกอบดังนี้

1.  จะต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
2.   เป็นกิจการที่มุ่งแสวงหากำไรจากการประกอบกิจการนั้น
3.   มีการแบ่งทุนเป็นหุ้น มีมูลค่าหุ้นละเท่าๆกัน
4.   ผู้ถือหุ้นจะรับผิดไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบ
5.   มีการจดทะเบียนตั้งบริษัทตาม ป.พ.พ. แล้ว

พี่ตุ๊กตาขอเน้นนะคะ บริษัทจะต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และ ผู้ถือหุ้นจะรับผิดไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบ

ขั้นตอนการตั้งบริษัทจำกัด

1.   ผู้เริ่มก่อการเข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิ แล้วนำหนังสือบริคณห์สนธิดังกล่าวไปจดทะเบียน ตามมาตรา 1097, 1099 วรรค 2

      หนังสือบริคณห์สนธิ (memorandum) นั้น เป็นตราสารในการจัดตั้งนิติบุคคลซึ่งจะกำหนดกรอบวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลไว้ และรายละเอียดอื่นๆ ที่สำคัญตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1098 หนังสือบริคณห์สนธิถือว่าเป็นแม่บทในการบริหารงานของบริษัท

      หนังสือบริคณห์สนธิ จะมีการกำหนดทุนเรือนหุ้นในการจดทะเบียน ซึ่งจะต้องมีมูลค่าเท่าๆกัน ไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท (ป.พ.พ. มาตรา 1117)

2.   ประชุมตั้งบริษัท ผู้เริ่มก่อการ (promoters) จะเป็นผู้ดำเนินการประชุมตั้งบริษัท (statutory meeting) เมื่อได้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นชนิดที่ต้องลงเงินครบแล้ว (มาตรา 1107) ในการประชุมตั้งบริษัทนั้น จะมีการเลือกตั้งกรรมการชุดแรกของบริษัท และผู้ชำระบัญชี ผู้เริ่มก่อการจะส่งมอบงานให้กรรมการชุดแรก (มาตรา 1108)

      ในการลงมติ ผู้เริ่มก่อการซึ่งต้องลงชื่อซื้อหุ้น ๆ หนึ่งเป็นอย่างน้อยตามมาตรา 1100 และผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะมีสิทธิในการลงมติ เว้นแต่จะมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในมตินั้น

      มาตรา 1109 ผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะออกเสียงลงคะแนนไม่ ได้ ถ้าตนมีส่วนได้เสียโดยพิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉัยนั้น
อนึ่ง มติของที่ประชุมตั้งบริษัทย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ที่ประชุมจะได้ลงมติ โดยเสียงข้างมาก อันมีคะแนนของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวน ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหมดซึ่งมีสิทธิลงคะแนนได้ และคิดตามจำนวนหุ้นรวมกันไม่ น้อยกว่ากึ่งจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นนั้น ๆ ทั้งหมดด้วยกัน 

3.   ความรับผิดของผู้เริ่มก่อการ

      มาตรา 1113 ผู้เริ่มก่อการบริษัทต้องรับผิดร่วมกันและโดยไม่จำกัด ในบรรดาหนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทมิได้อนุมัติ และแม้จะ ได้มีอนุมัติก็ยังคงต้องรับผิดอยู่เช่นนั้นไปจนกว่าจะได้จดทะเบียนบริษัท 

A.      ในการดำเนินการก่อตั้งบริษัทของผู้เริ่มก่อการนั้น บริษัทที่จัดตั้งขึ้นมีฐานะเป็นนิติบุคคล เมื่อมีการจดทะเบียน แต่ในระหว่างการดำเนิการเพื่อจัดตั้งนั้น บริษัทยังไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล มาตรา 1113 จึงได้บัญญัติเกี่ยวกับหนี้ต่างๆ ที่ผู้เริ่มก่อการได้ก่อขึ้นว่า ผู้เริ่มก่อการจะต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว (ฎีกาที่ 55/2523)

B.      ผู้เริ่มประกอบการจะพ้นจากความรับผิดก็ต่อเมื่อที่ประชุมตั้งบริษัทได้อนุมัติหนี้ดังกล่าวและได้มีการจดทะเบียนบริษัทแล้ว บริษัทต้องรับผิดชำระหนี้นั้น (ฎีกาที่ 4458/2541)

C.      สัญญาที่ผู้เริ่มก่อการก่อขึ้น หากต่อมาที่ประชุมตั้งบริษัทไม่อนุมัติ หรือไม่มีการจดทะเบียนตั้งบริษัท ผู้เริ่มก่อการจะต้องรับผิด (ฎีกาที่ 1952/2538)

หุ้นและผู้ถือหุ้น

ประเภทของหุ้น

                    หุ้นในบริษัทจำกัด อาจแบ่งเป็นหุ้นสามัญ และหุ้นบุริมสิทธิ์ หรืออาจจะแบ่งเป็นหุ้นซึ่งระบุชื่อผู้ถือหุ้น กับหุ้นที่ได้ออกให้แก่ผู้ถือ

มูลค่าหุ้น อันเป็นมูลค่าที่ได้จดทะเบียนไว้ ราคาจดทะเบียนจะต้องไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท (มาตรา 1117)

ทุนเรือนหุ้น เป็นมูลค่ารวมทั้งหมด ของราคาหุ้นที่บริษัทได้จดทะเบียนไว้ เช่น บริษัทจำกัดมีหุ้น 1,000 หุ้น ราคาจดทะเบียนหุ้นละ 100 บาท บริษัทจะมีทุนเรือนหุ้น 100,000 บาท

การออกหุ้น เป็นไปตาม ป.พ.พ. 1105

มาตรา 1105 อันหุ้นนั้น ท่านห้ามมิให้ออกโดยราคาต่ำไปกว่ามูลค่า ของหุ้นที่ตั้งไว้
การออกหุ้นโดยราคาสูงกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้นั้นหากว่าหนังสือ บริคณห์สนธิให้อำนาจไว้ ก็ให้ออกได้ และในกรณีเช่นนั้นต้องส่งใช้ จำนวนที่ล้ำมูลค่าพร้อมกันไปกับการส่งใช้เงินคราวแรก
อนึ่ง เงินส่งใช้ค่าหุ้นคราวแรกนั้น ต้องมิให้น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้า แห่งมูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้ 

การเรียกเงินค่าหุ้น เป็นไปตาม ป.พ.พ. 1106

มาตรา 1106 การที่เข้าชื่อซื้อหุ้นนั้นย่อมผูกพันผู้เข้าชื่อโดยเงื่อนไข ว่าถ้าบริษัทตั้งขึ้นแล้วจะใช้จำนวนเงินค่าหุ้นนั้น ๆ ให้แก่บริษัทตามหนังสือ ชี้ชวนและข้อบังคับของบริษัท 

การชำระค่าหุ้น ตามมาตรา 1119, 1120, 1121

มาตรา 1119 หุ้นทุก ๆ หุ้นจำต้องให้ใช้เป็นเงินจนเต็มค่า เว้นแต่หุ้น ซึ่งออกตามบทบัญญัติ 
มาตรา 1108 อนุมาตรา (5) หรือ มาตรา 1221 
 ในการใช้เงินเป็นค่าหุ้นนั้น ผู้ถือหุ้นจะหักหนี้กับบริษัทหาได้ไม่ 
Topมาตรา 1120 บรรดาเงินค่าหุ้นซึ่งยังจะต้องส่งอีกนั้น กรรมการจะ เรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่จะได้วินิจฉัย เป็นอย่างอื่น 
Topมาตรา 1121 การเรียกเงินค่าหุ้นแต่ละคราวนั้น ท่านบังคับว่าให้ ส่งคำบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่ายี่สิบเอ็ดวันด้วยจดหมายส่งลง ทะเบียนไปรษณีย์และผู้ถือหุ้นทุกคนจะต้องใช้เงินตามจำนวนที่เรียกนั้น สุดแต่กรรมการจะได้กำหนดไปว่าให้ส่งไปยังผู้ใด ณ ที่ใด และเวลาใด 

                  ทนายน้อย ปราธูป ศรีกลับ, น.บ.ท. 64 ย้ำว่า กำหนดเวลาที่จะเรียกให้ใช้เงินส่วนที่เหลือ เมื่อใด จำนวนใด นั้น เป็นไปตามดุลพินิจของกรรมการบริษัท โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของที่ประชุมใหญ่ (ฎีกาที่ 698/2539)

 

ถาม - จดทะเบียนบริษัท ต้องทำอย่างไร

ทีมทนาย ThaiLawConsult ต้องอธิบายคำถามนี้ให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ฟังอยู่เสมอ พี่ตุ๊กตาจึงสืบค้นข้อมูลเรื่องนี้จากเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาลงไว้

ดูตัวอย่างการกรอกแบบพิมพ์

การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจากัด (ภายในวันเดียว)

ผู้เริ่มก่อการ/ผู้ถือหุ้น/กรรมการ
คนใดคนหนึ่งจองชื่อนิติบุคคล

|
|

ผู้เริ่มก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จัดทาหนังสือบริคณห์สนธิ


ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีการจองซื้อหุ้นทั้งหมด
ดาเนินการภายใน
วันเดียวกัน
ประชุมจัดตั้งบริษัท

คณะกรรมการเรียกให้ชาระค่าหุ้น
ตามที่ที่ประชุมจัดตั้งบริษัทกาหนด
ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหุ้นละ 25%


ยื่นจดทะเบียน
ภายใน 3 เดือน

จัดทำคำขอจดทะเบียนและเอกสารประกอบ/ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท

นายทะเบียนรับจดทะเบียน


จะดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัดภายในหนึ่งวันได้อย่างไร


ในการจัดตั้งบริษัท ถ้าได้ดาเนินการทุกขั้นตอนดังต่อไปนี้ ภายในวันเดียวกับวันที่ผู้เริ่มก่อการจัดทาหนังสือบริคณห์สนธิ กรรมการจะจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนตั้งบริษัทไปพร้อมกันภายในวันเดียวก็ได้
1. ผู้เริ่มก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ร่วมกันจัดทาหนังสือบริคณห์สนธิ
2. จัดให้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นครบตามจานวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทจะจดทะเบียน
3. ประชุมจัดตั้งบริษัท (โดยไม่ต้องออกหนังสือนัดประชุมตั้งบริษัท) เพื่อพิจารณากิจการต่างๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1108 โดยมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม (มอบฉันทะให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทนได้) และผู้เริ่มก่อการ และผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคน ให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้ประชุมกันนั้น
4. ผู้เริ่มก่อการได้มอบกิจการทั้งปวงให้แก่กรรมการบริษัท
5. กรรมการได้เรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น ใช้เงินค่าหุ้น โดยจะเรียกครั้งเดียวเต็มมูลค่าหรือไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของมูลค่าหุ้น ตามมาตรา 1110 วรรคสองก็ได้ และผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนได้ชาระเงินค่าหุ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัทจากัด
1. ชื่อของบริษัท (ตามที่ได้จองชื่อไว้) *ดูหลักเกณฑ์การจองชื่อนิติบุคคล*2. ที่ตั้งสานักงานแห่งใหญ่ / สาขา (ตั้งอยู่ ณ จังหวัดใด) พร้อมเลขรหัสประจาบ้านของที่ตั้งสานักงาน, E-mail และหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทหรือกรรมการ
3. วัตถุที่ประสงค์ของบริษัทที่จะประกอบกิจการค้า *ดูหลักเกณฑ์การกาหนดวัตถุที่ประสงค์* 4. ทุนจดทะเบียน จะต้องแบ่งเป็นหุ้นๆ มีมูลค่าหุ้นเท่าๆ กัน (มูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ากว่า 5 บาท) 5. ชื่อ ที่อยู่ อาชีพ และจานวนหุ้นที่ผู้เริ่มก่อการจองซื้อไว้ 6. ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยาน 2 คน 7. อากรแสตมป์ 200 บาท 8. ข้อบังคับ (ถ้ามี) 9. จานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชาระแล้ว อย่างน้อยร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน 10. ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ 11. รายชื่อหรือจานวนกรรมการที่มีอานาจลงชื่อแทนบริษัท (อานาจกรรมการ)
*ดูตัวอย่างการกาหนดอานาจกรรมการ* 12. ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน 13. ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ และจานวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน
14. ตราสาคัญ *ดูหลักเกณฑ์การกาหนดดวงตรา* 15. ที่ตั้งสานักงานแห่งใหญ่/สาขา บริษัทจะไม่จดทะเบียนตราสาคัญของบริษัทก็ได้ หากว่าอานาจกรรมการไม่ได้กาหนดให้ต้องประทับตราสาคัญด้วย 3
เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจากัด 1. คาขอจดทะเบียนบริษัทจากัด (แบบ บอจ.1) 2. แบบคารับรองการจดทะเบียนบริษัทจากัด 3. หนังสือบริคณห์สนธิ (แบบ บอจ.2) ผนึกอากรแสตมป์ 200 บาท 4. รายการจดทะเบียนจัดตั้ง (แบบ บอจ.3) 5. แบบวัตถุที่ประสงค์ (แบบ ว.) 6. รายละเอียดกรรมการ (แบบ ก.) 7. แบบแจ้งผลการจองชื่อนิติบุคคลที่ยังไม่ครบกาหนด 8. หลักฐานให้ความเห็นชอบในการจัดตั้งบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ใช้เฉพาะในการประกอบธุรกิจที่มีกฎหมายพิเศษควบคุม เช่น ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ กิจการข้อมูลเครดิต บริหารสินทรัพย์ กิจการคลังสินค้า กิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็น) 9. บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) 10. สาเนาบัญชีรายชื่อผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือผู้รับมอบฉันทะในการประชุมให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้ประชุมจัดตั้งบริษัทพร้อมลายมือชื่อ 11. สาเนารายงานการประชุมตั้งบริษัท 12. สาเนาข้อบังคับ ผนึกอากร 200 บาท (ถ้ามี) 13. สาเนาหลักฐานการรับชาระค่าหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น 14. กรณีบริษัทจากัดมีผู้ถือหุ้นเป็นคนต่างด้าวถือหุ้นในบริษัทจากัดไม่ถึงร้อยละ 50 ของทุน จดทะเบียน หรือกรณีบริษัทจากัดไม่มีคนต่างด้าวเป็นผู้ถือหุ้น แต่คนต่างด้าวเป็นกรรมการผู้มีอานาจลงนามหรือร่วมลงนามผูกพันบริษัท ให้ส่งเอกสารหลักฐานที่ธนาคารออกให้ เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้ถือหุ้นที่มีสัญชาติไทยแต่ละรายประกอบคาขอจดทะเบียน โดยเอกสารดังกล่าวต้องแสดงจานวนเงินที่สอดคล้องกับจานวนเงินที่นามาลงหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละราย 15. แบบ สสช.1 จานวน 1 ฉบับ 16. แผนที่แสดงที่ตั้งสานักงานแห่งใหญ่และสถานที่สาคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป
17. สาเนาบัตรประจาตัวของผู้เริ่มก่อการและกรรมการทุกคน *ดูหลักเกณฑ์เรื่องบัตรประจาตัว* 18. สาเนาหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อ (ถ้ามี)
*ดูหลักเกณฑ์การลงลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียน* 19. หนังสือมอบอานาจ (กรณีที่ผู้ขอจดทะเบียนไม่สามารถยื่นขอจดทะเบียนได้ด้วยตนเอง ก็มอบอานาจให้บุคคลอื่นดาเนินการแทนโดยทาหนังสือมอบอานาจและผนึกอากรแสตมป์ด้วย) สาเนาเอกสารประกอบคาขอจดทะเบียนทุกฉบับ ต้องให้ผู้ขอจดทะเบียนอย่างน้อยหนึ่งคนรับรองความถูกต้อง ยกเว้นสาเนาบัตรประจาตัวหรือหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียน ให้ผู้เป็นเจ้าของบัตรหรือผู้ขอจดทะเบียนอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง
แบบพิมพ์จดทะเบียนสามารถขอและซื้อได้จากหน่วยงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือ Download จาก www.dbd.go.th 4
ค่าธรรมเนียม
1.จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิทุกจานวนเงินไม่เกิน 100,000 บาท

แห่งจานวนทุนที่กาหนดไว้50 บาท เศษของ 100,000 บาท ให้คิดเป็น 100,000 บาท ทั้งนี้ รวมกันไม่ให้ต่ากว่า500 บาท และ ไม่ให้เกิน25,000 บาท 2.จดทะเบียนตั้งบริษัท ทุกจานวนเงินไม่เกิน 100,000 บาท แห่งทุนที่กาหนดไว้ 500 บาทเศษของ 100,000 บาท ให้คิดเป็น 100,000 บาท รวมกันไม่ให้ต่ากว่า 5,000 บาทและ ไม่ให้เกิน 250,000 บาท 3.หนังสือรับรอง ฉบับละ 200 บาท 4.ใบสาคัญแสดงการจดทะเบียนฉบับละ 100 บาท 5.รับรองสาเนาเอกสารคาขอจดทะเบียนหน้าละ 50 บาท สถานที่จดทะเบียน
1.สานักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ยื่นจดทะเบียนได้ที่ ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 4 ถนนนนทบุรี 1 จังหวัดนนทบุรี หรือสานักงานพัฒนาธุรกิจการค้าทั้ง 6 เขต *ดูรายละเอียด*2.สานักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่จังหวัดอื่น ยื่นจดทะเบียนได้ที่สานักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดที่บริษัทมีสานักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่
3.ยื่นจดทะเบียนทางอินเทอร์เน็ตที่ www.dbd.go.th
*ดูคาแนะนาการจดทะเบียนทางอินเทอร์เน็ต*
ดูตัวอย่างการกรอกแบบพิมพ์

 

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2523

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4458/2541

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2539