ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 ผู้เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"
เรื่องที่ 34 น.ส. 3 ก ของเรา อย่าปล่อยให้เขาขายทอดตลาด
พี่ตุ๊กตาขอตอบดังนี้
(1) กำหนดเวลาในการร้องขัดทรัพย์ จะต้องยื่นคำร้องก่อนขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด โดยต้องเป็นการขายทอดตลาดที่บริบูรณ์ด้วย การประกาศให้มีการขายทอดตลาด แล้วมีการเลื่อนออกไป ยังถือไม่ได้ว่ามีการขายทอดตลาด ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้ (ฎีกาที่ 3030/2528)
(2) หากเจ้าของทรัพย์ไม่ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ก่อนขายทอดตลาด เมื่อมีการขายทอดตลาดแล้ว สิทธิที่อาจบังคับได้เหนือทรัพย์สินในฐานะเจ้าของทรัพย์สินนั้นหมดไป จึงไม่มีสิทธิขอให้กันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์นั้น (ฎีกาที่ 2891/2552)
พี่ตุ๊กตา ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร ขอนำฎีกาที่ 5390/2549 มาตอบคำถามเบื้องต้นก่อน สัปดาห์หน้าจะเขียนเรื่องนี้เผยแพร่เป็นความรู้ทางกฎหมายสู่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง
พี่ตุ๊กตา ThaiLawConsult โทร. 098-915-0963 อยากย้ำว่า การร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องต่อศาล ก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด ถ้าหากเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์สินไปก่อนแล้ว ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ ทั้งนี้ตามฎีกาที่ 8367/2550 |
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2549
ป.วิ.พ. มาตรา 27, 288, 296
ผู้ร้องยื่นคำร้องขออ้างว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของผู้ร้องซึ่งมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา การออกหมายบังคับและการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินกระบวนบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด ดังนี้ ตามคำร้องขอของผู้ร้องมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องไปในที่สุด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 288 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องขัดทรัพย์ มิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขกระบวนวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 และการจะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดนั้น ตามมาตรา 288 วรรคหนึ่ง ก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไปก่อนแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอนี้ได้
________________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 149,392 บาท แก่โจทก์ที่ 1 และ 72,365 บาท แก่โจทก์ที่ 2 และ 74,696 บาท แก่โจทก์ที่ 3 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 128,170 บาท แก่โจทก์ที่ 1 ในต้นเงิน 64,085 บาท แก่โจทก์ที่ 2 และในต้นเงิน 64,085 บาท แก่โจทก์ที่ 3 จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม ภ.บ.ท.5 เลขสำรวจที่ 20, 21 หมู่ที่ 5 ตำบลอรัญคามวารี อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของจำเลย แล้วขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงไปในราคา 160,000 บาท
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องที่ 1 ซื้อที่ดินตาม ภ.บ.ท.5 เลขสำรวจที่ 20 จากนายวิชัย จันทนุกูล เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2540 ในราคา 300,000 บาท ผู้ร้องที่ 2 ซื้อที่ดินตาม ภ.ท.บ.5 เลขสำรวจที่ 21 จากจำเลยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2541 ในราคา 225,000 บาท นับตั้งแต่ทำสัญญาซื้อขายผู้ร้องทั้งสองเข้าครอบครองทำประโยชน์ปลูกยางพาราเต็มพื้นที่มาโดยตลอด ที่ดินทั้งสองแปลงที่โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นของผู้ร้องทั้งสองมิใช่ของจำเลย การออกหมายบังคับคดีและการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินกระบวนวิธีการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด
โจทก์ที่ 1 ยื่นคำให้การว่า ที่ดินทั้งสองแปลงที่ยึดเป็นของจำเลย การซื้อขายที่ดินที่ยึดตามสัญญาซื้อขายของผู้ร้องทั้งสองเป็นการปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้นทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม ภ.บ.ท.5 เลขสำรวจที่ 20, 21 หมู่ที่ 5 ตำบลอรัญคามวารี อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีชื่อสามีจำเลยและจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินและขายทอดตลาดไปในราคา 160,000 บาท ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องทั้งสองมีว่า ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาดได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขออ้างว่าทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และขายทอดตลาดนั้นเป็นของผู้ร้องทั้งสอง โจทก์ทั้งสามนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของผู้ร้องทั้งสองซึ่งมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา การออกหมายบังคับคดีและการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินกระบวนวิธีการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนี้ ตามคำร้องขอของผู้ร้องทั้งสองเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและการขายทอดตลาด อันมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองไปในที่สุด จึงเป็นกรณีที่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องขัดทรัพย์ มิใช่เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขกระบวนวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 แต่อย่างใด และการจะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์สินที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องทั้งสองได้นั้นตามมาตรา 288 วรรคหนึ่ง ก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาด เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไปก่อนแล้วผู้ร้องทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอนี้ได้ ที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างว่า ผู้ร้องทั้งสองเพิ่งทราบเรื่องการยึดและการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดภายหลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไปแล้วนั้น ข้ออ้างดังกล่าวมิใช่เหตุตามกฎหมายที่ผู้ร้องทั้งสองจะยกขึ้นอ้างเพื่อให้ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอนี้ได้เมื่อล่วงพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
( มนตรี ยอดปัญญา - สบโชค สุขารมณ์ - ประทีป เฉลิมภัทรกุล )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8367/2550
ป.วิ.พ. มาตรา 288
ป.พ.พ. มาตรา 288 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ยื่นคำร้องขอปล่อยทรัพย์ที่ยึดต่อศาลก่อนเอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไปก่อนแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์
________________________________
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2535 เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 18992 พร้อมสิ่งปลูกสร้างมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2546 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้นายอินทรผู้เสนอราคาสูงสุด ในราคา 620,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2546 ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ผู้ร้องเข้าทำประโยชน์โดยปลูกบ้านพักอาศัยตั้งแต่ประมาณปี 2523 และครอบครองตลอดมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว โดยไม่มีผู้ใดมาโต้แย้ง ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา แต่เป็นของผู้ร้อง การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจึงเป็นการบังคับคดีที่ฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อทรัพย์มาโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเพื่อประวิงคดี คำร้องของผู้ร้องไม่ปรากฏว่าโจทก์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้สมคบกันขายทอดตลาดโดยมีเจตนาไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวยื่นเกิน 15 วัน นับแต่มีการขายทอดตลาด จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้รับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งโฉนดที่ดินระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงได้รับประโยชน์ตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า บุคคลที่มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง การครอบครองที่ดินและบ้านกว่า 20 ปี ของผู้ร้อง เป็นการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม สิทธิของผู้ร้องดังกล่าวเมื่อยังไม่ได้จดทะเบียนจึงเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับจำนองผู้ได้จดทะเบียนสิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตไม่ได้ และผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในคดี ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ระหว่างไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องรับว่าที่ดินโฉนดดังกล่าวมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงพอวินิจฉัย จึงให้งดการไต่สวนคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คืนค่าคำขอให้ผู้ร้องจำนวน 150 บาท
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ขายไปแล้วหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวเห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องมีความประสงค์ขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีคือการขายทอดตลาดที่ได้ขายไปแล้ว โดยอ้างว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ถูกยึดโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้ร้องประสงค์จะให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ซึ่งกรณีจะเป็นเรื่องของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองนั้น ต้องเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และเกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี บุคคลดังกล่าวจึงมีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลงขอให้งดการบังคับไว้ก่อนได้ แต่ตามคำร้องของผู้ร้องมิได้กล่าวอ้างเลยว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่ประการใด เพียงแต่กล่าวอ้างว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ถูกยึดโดยการครอบครองปรปักษ์และธนาคารที่รับจำนองทรัพย์ดังกล่าวได้รับจำนองไว้โดยไม่สุจริตจึงไม่ได้รบการคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสองนั้น หากเป็นความจริงก็มิใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดี จึงไม่อาจยกเหตุที่ผู้ร้องอ้างมาเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ และหากจะถือว่าคำร้องของผู้ร้องเป็นการร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 เนื่องจากผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่ถูกยึดมิใช่เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่เป็นของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้ร้องจึงขอคืนได้โดยอ้างว่าเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนมาด้วยนั้น เห็นว่า การที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนแก่ผู้ร้องได้นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคหนึ่ง ก็กำหนดให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไปก่อนแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ร้องนั้นเป็นการชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
( สมศักดิ์ จันทรา - ชาลี ทัพภวิมล - ชูเกียรติ ตันทวีวงศ์ )
คำพิพากษาศาลฎีกาเหล่านี้ พี่ตุ๊กตาและทีมทนาย Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากศาลฎีกา วันที่ 11-09-2556
ข้อเท็จจริง

